อาร์เน่อ สล็อต พาลิเวอร์พูล นำเป็นจ่าฝูง เกมนี้ปรับ 4 จุด โจ โกเมซ สตาร์ตแทน อิบราฮิม่า โคนาเต้ ที่เจ็บ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กลับมายืนแบ๊คขวา เช่นเดียวกับ หลุยส์ ดิอาซ ที่ได้ลงในเกมรุก อเล็กซิส ส่วน โคดี้ กัคโป ได้ลงยืนแทน ดาร์วิน นูนเญซ
เป๊ป กวาดิโอล่า พาทีมไม่ชนะติดต่อกัน 6 เกมทุกรายการ นัดนี้ปรับหลายจุด สเตฟาน ออร์เตก้า เฝ้าเสาแทน เอแดร์ซอน โมราเอส เกมรับ ยอสโก้ กวาดิโอล แบ๊คซ้ายที่ช่วงหลังฟอร์มหลุดถูกแแทนด้วย เนธาน อเก้ ส่วนแดนกลาง มาเตอุส นูเนส ได้โอกาสตั้งแต่ต้นเกมเช่นกัน
ผลบอลพรีเมียร์ลีก แมนยู ระเบิดฟอร์มเปิดรังทุบ เอฟเวอร์ตัน 4-0
ออปต้า ทำนายผลแข่งศึกพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล พบ แมนซิตี้
AFP/Adrian DENNIS
โคดี้ กัคโป ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ
นาทีที่ 4 ลิเวอร์พูล ที่่ 15 เกมหลังไร้พ่าย โดยเป็นการชนะ 14 นัด ได้ลุ้นก่อนเมื่อ โคดี้ กัคโป ได้ล็อกจากทางซ้ายหาช่องยิงด้วยขวา แต่ สเตฟาน ออร์เตก้า ยังเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 6 เจ้าถิ่น ได้จบอีกครั้งแต่ โดมินิค โซบอสซ์ไล ยิงเบาไปเข้าซอง สเตฟาน ออร์เตก้า ล้มรับสบาย
นาทีที่ 11 ทีมจ่าฝูง ที่บุกต่อเนื่อง โดมินิค โซบอสซ์ไล กดด้วยขวา เล่นเอา สเตฟาน ออร์เตก้า ต้องเซฟอีกครั้ง และจังหวะต่อเนื่อง โซบอสซ์ไล เปิดไปที่เสาสองไปให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค โหม่งย้อนศรชนเสา
นาที 12 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 สำเร็จ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ วางลึกจากแดนตัวเองไปที่ว่างให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ เปิดจากทางขวายัดไปให้ โคดี้ กัคโป วิ่งมาชนชาร์จจ่อๆ ที่เสาสองไม่เหลือ
เกมผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เรียกว่ายังไม่เจอบอลเลย โดยแดนกลางของ ซิตี้ ถือว่าเป็นรองเก็บบอลไม่ได้อย่างชัดเจน
ผ่านไป 30 นาทีแรก แม้ แมนฯ ซิตี้ จะตั้งเกมได้ แต่ลิเวอร์พูล ที่เกมนี้เพรสเอาบอลกลับมาได้ดี ก็ปรับจังหวะกลับมาครองเกมได้เช่นกัน
นาที 39 แมนฯ ซิตี้ เพิ่งจะมีโอกาสลุ้นครั้งแรกจากจังหวะต่อบอลจนเข้ามาในกรอบเขตโทษ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ให้บอลไปที่ ริโก้ ลูอิส พยายามจะดีดไซด์ก้อยแต่บอลหลุดเสาออกไป
ช่วงท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ได้กดดันใส่แต่ไม่มีประตูเพิ่ม จบ 45 นาทีแรก ลิเวอร์พูล นำ 1-0
กลับมาครึ่งหลังนาที 51 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จ่ายไปให้ โคดี้ กัคโป ได้ยิงแต่ มาเตอุส นูเนส ยังบล็อกเอาไว้ได้ แมนฯ ซิตี้ ยังไม่เสียประตูเพิ่ม
นาทีที่ 56 ลิเวอร์พูล ยังไม่ได้ประตูเพิ่ม จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ไปปั้มบอลจาก มานูเอล อคานจี ที่รับบอลสั้นมาจาก แบร์นาร์โด้ ซิลวา ก่อนพาเข้ามาในเขตโทษและเลือกยิงเองข้ามคานไปอย่างไม่น่าเชื่อ
นาที 66 เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ทำชิ่งกับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ก่อนได้ยิง แต่ไปติดเซฟ สเตฟาน ออร์เตก้า รวมถึงเป็นจังหวะล้ำหน้าของ ซาล่าห์ ไปก่อนแล้ว
นาทีที่ 76 ลิเวอร์พูล มาได้จุดโทษ เมื่อ สเตฟาน ออร์เตก้า ไปคว้าขา หลุยส์ ดิอาซ ในกรอบ และเป็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปในนาที 78 “หงส์แดง” ขยับหนี 2-0
และเป็นประตูที่ 13 ในทุกรายการนี้ของศูนย์หน้าทีมชาติอิยิปต์
นาทีที่ 83 เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค พยายามไปล็อกหลอก เควิน เดอ บรอยน์ แต่ไม่สำเร็จถูกดาวเตะเบลเยี่ยมแย่งไปยิงแต่ยังดีที่ ควีวิน เคลเลเฮอร์ เซฟเอาไว้ได้
นาที 90 เคอร์ติส โจนส์ ตัวสำรอง ไปรับบอลจากที่จังหวะไคล์ วอล์คเกอร์ พลาดก่อนกดด้วยขวา แต่ สเตฟาน ออร์เตก้า ยังเซฟไว้ได้
จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0 นำเป็นจ่าฝูงแบบหายห่วงแข่ง 13 นัด มีเพิ่มเป็น 34 แต้ม พร้อมนำห่าง อาร์เซน่อล ที่ขึ้นมาอยู่ที่ 2 ที่เตะเท่ากันห่าง 9 แต้ม ส่วนแมนฯ ซิตี้ หล่นไปอยู่ที่ 5 มี 23 แต้มเท่าเดิม
รายชื่อตัวจริงของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ควีวิน เคลเลเฮอร์ – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ , โจ โกเมซ, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก – โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โดมินิค โซบอสซ์ไล, โคดี้ กัคโป – หลุยส์ ดิอาซ
แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : สเตฟาน ออร์เตก้า – ไคล์ วอล์คเกอร์, มานูเอล อคานจี, รูเบน ดิอาส, เนธาน อเก้ – ริโก้ ลูอิส, อิลคาย กุนโดกัน – แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ฟิล โฟเด้น, มาเตอุส นูเนส – เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
