เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2567 ร.ต.อ.อภินันท์ พลศร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุพบศพ 2 พ่อลูก ภายในบ้านหลังหนึ่ง เหมือนเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่หลายหลายมานับเดือนในท้องที่ หมู่ 5 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อไปถึงพบศพผู้หญิงทราบชื่อนางเกศชฎา หรือ “ป้าแอ๊ะ” อายุ 57 ปี นอนหงายเสียชีวิต นอนตายในชุดเสื้อสีเหลือง กางเกงขายาวสีดำ ศพพองอืดส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ มีหนอนไต่ไชชอนไปทั่วร่าง นอนตายบนพื้นห้องครัวภายในบ้านใน เบื้องต้นยังตรวจสอบไม่พบบาดแผล อยู่ระหว่างการตรวจสอบคาดเสียชีวิตมาประมาณเกือบ 1 เดือนเศษ
ห่างไปเล็กน้อยพบศพชาย ทราบชื่อนายสำเริง หรือ ลุงเริง อายุ 87 ปี สภาพศพแห้งกรัง เหลือซากโครงกระดูกและกะโหลกศีรษะ ลำตัวยังมีเนื้อหนังเน่าติดอยู่บ้างหนอนไต่ไชชอนทั่วร่าง นอนตายบนพูกที่นอนเก่าๆเปื่อยยุ่ยใกล้ ๆ กับศพแรก คาดเสียชีวิตมาแล้ว 1-2 ปี เบื้องต้นยังไม่พบบาดแผลการเสียชีวิตที่แน่ชัดว่ามีบาดแผลหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบของตำรวจและแพทย์เวรให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในบ้านหลังดังกล่าวเหมือนเป็นบ้านร้าง ถึงกับตะลึง เมื่อพบภายในบ้านมีวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังต่าง ๆ มากมาย อาทิ รูปปั้นกุมารทอง รูปปั้นองค์เทพต่าง ๆ รวมทั้งผ้ายันต์หลายชนิดเต็มบ้าน จึงเก็บและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เมื่อปลายปี 2563 นายสำเริง ป่วยเข้าโรงพยาบาลและหลังจากออกจากโรงพยาบาล นางเกศษฎา ลูกสาวได้พามาพักอาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าว โดยทราบว่านางเกศชฎา ไม่ยอมให้ญาติหรือใครมาเยี่ยม หรือพบนายสำเริง แต่อย่างใด จนเป็นคลางแคลงใจของบรรดาญาติๆและเพื่อนบ้าน แต่ก็ไม่มีใครสนใจ จนเรื่องข้อเงียบหายไป โดยตามปกติไม่ค่อยมีเพื่อนบ้านหรือญาติๆ เข้าไป ยุ่งเกี่ยวกับ บ้านนางเกศษฎาเนื่องจากมีพฤติกรรมเหมือนกับนับถือลัทธิทางไสยศาสตร์บางอย่าง ซึ่งสาเหตุที่แท้จริง ทางตำรวจจะเร่งทำการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุการ และรอผลการชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิต 2 พ่อลูกอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป