เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นตำบลพยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นายตะวัน อ่ำออมสิน ปลัดอำเภอวังน้อย พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำหนังสือประกาศความเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพยอม สิ้นสุดลง ลงนามโดย นายธีรเมธ เทพวิชัยศิลปกุล นายอำเภอวังน้อย ไปติด ณ ที่ทำการ

โดยในคำสั่งระบุว่า ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวังน้อย ได้รับการร้องเรียนว่า นาย ธนะโรจน์ ธนาชัยกุลไพศาล นายก อบต.พยอม ปฎิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย กรณีได้ว่าจ้างพนักงานจ้าง ซึ่งเป็นบุคคลที่นายธนะโรจน์ ธนาชัยกุลไพศาล ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะอยู่กินฉันสามีภรรยา เข้ามาเป็นพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลพะยอม และได้มีการเบิกจ่ายค่าจ้าง

ทางอำเภอวังน้อย ได้มีการตั้งคณะการสอบสวนข้อเท็จจริง มีความเห็นว่า นายธนะโรจน์ ธนาชัยกุลไพศาล นายก อบต. พยอม มีหน้าที่กำกับดูแลกิจการขององค์การบริหารส่วนตำบล และเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานส่วนตำบลและลูกจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลพยอม ได้ลงนามทำสัญญาจ้าง เป็นพนักงานจ้างทั่วไป ตำแหน่งคนงานสังกัดกองสาธารณสุขและ สิ่งแวดล้อม องค์การบริหารส่วนตำบลพยอม ซึ่งเป็นบุคคลที่นายธนะโรจน์ ธนาชัยกุลไพศาล ได้ยื่น บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพยอม และมีการเบิกจ่ายค่าจ้างให้แก่ พนักงานจ้าง เป็นการต้องห้ามตามมาตรา126 (1) ประกอบมาตรา 126 วรรคสองและวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นความผิดอาญา มีโทษถึงจำคุกตามมาตรา 168 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว

ประกอบกับทางสอบสวนปรากฏพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่ามีการทำหนังสือย้อนหลังให้ถูกต้องตามกระบวนการ หลังจากที่ได้มีการสอบสวนเพื่อปกปิดความผิด และปรากฎพฤติการณ์ที่เป็นข้อสงสัยว่ามีการสมยอมในการสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นพนักงานจ้าง ซึ่งเป็นพฤติการณ์อันแสดงให้เห็นว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน ขัดต่อหลักความเป็นกลาง เกิดความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์ของรัฐ อันอาจส่งผลให้เกิดความไม่ไว้วางใจของประชาชนต่อการปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่นายกองค์การบริหาร ส่วนตำบล กรณีถือได้ว่า นายธนะโรจน์ ธนาชัยกุลไพศาล เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่กระทำให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลพยอม โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน เป็นเหตุให้ความเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลของนายธนะโรจน์ ธนาชัยกุลไพศาล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพยอม สิ้นสุดลง นับตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่ลงนามในสัญญาจ้าง

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนายธนะโรจน์ ธนาชัยกุลไพศาล นายก อบต.พยอม เพื่อให้ชี้แจ้งคำสั่ง นายธนะโรจน์ กล่าว่า คำสั่งที่ตนเองถูกให้พ้นจากตำแหน่งนายก อบต.พยอม เรื่องของการรับเอาบุคคลใกล้ชิดเข้ามาเป็นลูกจ้างของทาง อบต.พยอม เมื่อปี 2565 ในครั้งนั้น ทางรองนายก อบต.ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลกองสาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ได้เสนอของว่าจ้างตำแหน่ง พนักงานจ้างทั่วไป ตำแหน่งคนงาน จำนวน 1 ตำแหน่ง ตนเองได้ทำเรื่องของการว่าจ้างตามขั้นตอน และระเบียบของทางราชการมีการประกาศรับสมัคร มีผู้มาสมัคร จำนวน 3 คน ประกาศรายชื่อคนที่ได้รับการคัดเลือก คนที่ได้รับเลือกสละสิทธิ์ จึงให้ผู้ที่รับเลือกลำดับที่ 2 ได้รับเลือกว่าจ้างเข้ามาทำงาน

ยอมรับว่าเป็นคนใกล้ชิดที่ตนเองคบหาดูใจกัน แต่ทำงานได้เพียง 4 เดือนได้ลาออกไป ซึ่งตนเองทำไปตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ของตนรับคนเข้ามาทำงาน ต้องมีการสอบตามระเบียบทุกอย่าง ตนไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย และในการรับสมัครไม่ได้มีข้อกำหนดว่าห้าม คนที่สนิทสนมกับนายกมารับสมัครมาทำงาน

ตนเองเชื่อว่าเรื่องของการร้องเรียนมาจากอดีตรองนายก อบต.ที่ร้องเรียนไปที่ทางอำเภอ โดยตนเองจะรวบรวมพยานหลักฐานเข้าร้องกับศาลปกครองให้เพิกถอนยกเลิกคำสั่งนี้เพื่อกลับไปปฎิบัติหน้าที่ต่อไป