มาร์เก็ตเพลส

วินิฯ แฮตทริก! ‘จู๊ด’ ยิงแล้ว ‘ราชัน’ กลับฝั่งถล่มหาย 4-0
November 9, 2024



เรอัล มาดริด กลับมาคืนฟอร์มชนะหลังแพ้รวด 2 เกมไล่ถล่ม โอซาซูน่า ยับเยิน 4-0 โดยเป็นวินิซิอุส จูเนียร์ กดแฮตทริก ขณะที่จู๊ด เบลลิ่งแฮม เบิกสกอร์แรกในรอบ 179 วันได้สักทีพร้อมเก็บเพิ่ม 3 คะแนนตามบาร์เซโลน่าห่างๆ 6 แต้ม
เรอัล มาดริด
Starting Formation: 4-3-3
13.
อันเดร ลูนิน

22.
อันโตนิโอ รูดิเกอร์

3.
เอแดร์ มิลิเตา
29′

20.
ฟราน การ์เซีย

17.
ลูคัส บาสเกซ
46′

6.
เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า

5.
จู๊ด เบลลิ่งแฮม
75′

8.
เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้

9.
คิลิยัน เอ็มบัปเป้

7.
วินิซิอุส จูเนียร์
75′


11.
โรดรีโก้
20′

ตัวสำรอง
21.
บราฮิม ดิอาซ
20′

16.
เอ็นดริก
75′

15.
อาร์ด้า กูแลร์
75′

19.
ดานี่ เซบาญอส

10.
ลูก้า โมดริช
46′

18.
เฆซุส บาเญโฆ่

26.
ฟราน กอนซาเลซ

23.
แฟร์กล็องด์ เมนดี้

34.
เซร์คิโอ เมสเตร

35.
ราอูล อเซนซิโอ้
29′

ผู้จัดการทีม
คาร์โล อันเชล็อตติ

ลา ลีกา สเปน
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
เสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567
กรรมการ มาริโอ เมเลโร่
เรอัล มาดริด
4
0
โอซาซูน่า
1-0 วินิซิอุส จูเนียร์ 34′
2-0 จู๊ด เบลลิ่งแฮม 42′
3-0 วินิซิอุส จูเนียร์ 61′
4-0 วินิซิอุส จูเนียร์ 69′

เรอัล มาดริด แพ้มา 2 เกมหลังแถมโดนยิงไปถึง 7 ประตู เกมนี้ยังใช้อันโตนิโอ รูดิเกอร์ และเอแดร์ มิลิเตา ยืนเซ็นเตอร์ สามประสานแดนหน้า คิลิยัน เอ็มบัปเป้, โรดรีโก้ และวินิซิอุส ลงสนามโดยมีจู๊ด เบลลิ่งแฮม คอยเติมมาหนุน ด้านโอซาซูน่า ชนะรวด 3 เกมหลังแถมไม่เสียประตูอีกต่างหาก มีทางอันเต้ บูดิเมียร์ เป็นตัวอันตรายในแดนหน้า

7′

ปธ.เป้ควบถึงบอลแต่ยิงไม่เต็ม
บอลยาวของรูดิเกอร์จากแดนหลังสาดมาให้เอ็มบัปเป้ ใช้ความเร็วควบเข้าไปถึงบอลในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะยิงเสียหลักทำให้ซัดแทบไม่โดนไม่มีอันตรายอะไร

14′

โรดรีโก้ตะบันไกล
โรดรีโก้ ได้ส่องระยะไกลกว่า 35 หลาบอลพุ่งตกพื้นแต่เอร์เรร่ายังไม่พลาดพุ่งปัดทิ้งออกไปก่อนเสียแค่เตะมุม

20′

โรดรีโก้เจ็บเล่นต่อไม่ไหว
มาดริดต้องเปลี่ยนตัวเร็วเลยเมื่อโรดรีโก้ มีอาการเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนเอาบราฮิม ดิอาซ ลงสนามมาเล่นแทนตั้งแต่ต้นเกม

29′

ราชันซีด!มิลิเตาเดี้ยงอีกคน
มาดริดต้องเปลี่ยนอีกแล้วเมื่อมิลิเตาเจ็บจากจังหวะโดนชนตอนเตะมุมถึงขนาดหามออกจากสนามไปเลย แล้วเป็นราอูล อเซนซิโอ้ ลงมาเล่นแทนในตำแหน่งกองหลัง

34′

วินิหลุดยิงไม่เหลือ!ราชันขึ้นนำ 1-0
ราชันชุดขาว ขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่วินิซิอุส ได้บอลหลุดเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนล็อคหาช่องแล้วยิงด้วยขวาเข้าประตู 1-0!!!

40′

บาสเกซเดี้ยงอีกยังฝืนเล่นได้
เกิดอะไรขึ้นกับมาดริด เมื่อบาสเกซมีอาการเจ็บไปอีกคนต้องออกไปปฐมพยาบาลข้างสนามแต่คราวนี้ยังดีว่ากลับมาเล่นต่อไหว

42′

จู๊ดหลุดกินขนม!ราชันหนี 2-0
ประตูที่สองตามมาติดๆ เป็นบอลวางยาวของอเซนซิโอตัวสำรองไปให้เบลลิ่งแฮมควบจากกลางสนามเข้าหาบอลก่อนปล่อยบอลตกแล้วกระดกข้ามเอร์เรร่าเข้าไปด้วยขวาแบบง่ายๆ 2-0!!!

45′

คามาวินก้าซัดยังโด่งไป
เอ็มบัปเป้หาช่องยิงไม่ได้เลยดีดออกขวาไปให้คามาวินก้าพักอกลงก่อนหวดด้วยขวาแต่กดไม่ลงบอลข้ามคานออกหลังไป

HALF TIME

48′

วินิแต่งสวยแต่ยิงหลุดกรอบ
ลงมามาดริดได้ลุ้นเลย เอ็มบัปเป้กระชากมาทางริมเส้นซ้ายก่อนเข้ากรอบเขตโทษแล้วดีดให้วินิซิอุสแต่งหนีตัวประกบสวยแล้วยิงทันทีแต่บอลหลุดเสาไกลออกไป

60′

ปธ.เป้สอดมายิงหลุดเสาแรก
วินิซิอุสให้บอลตามช่องเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายเอ็มบัปเป้วิ่งสอดมาสวยแล้วก่อนยิงตามน้ำแต่หักข้อไม่พอบอลเข้าข้างตาข่าย

61′

ลูนินแอสซิสต์!วินิหลุดเดี่ยวใส่สกอร์ 3-0
บอลยาวจากลูนินรับลูกเตะมุมก่อนเตะเปิดไปให้วินิซิอุส หลุดตั้งแต่กลางสนามฉีกตัวประกบก่อนลากหนีเอร์เรร่าเข้าไปยิงประตูโล่งๆเลย 3-0!!!

65′

วินิพลาดแฮตทริก
วินิซิอุสอดทำแฮตทริกเมื่อรับบอลมาจากเอ็มบัปเป้แต่จับจังหวะแรกไม่ค่อยดีเลยยิงไปติดเซฟของเอร์เรร่าล้มตัวปัดไปก่อน

68′

บัลเบร์เด้ซัดติดเซฟ
ดิอาซขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเรียดเข้ากลางบอลโดนกสัดมาเข้าทางบัลเบร์เด้แปหน้ากรอบเขตโทษแต่ไปติดเซฟของเอร์เรร่าก่อนการ์เซียมาซ้ำยิงออกไปเอง

69′

เละ…วินิแฮตทริกราชันฉลุย 4-0
โอซาซูน่าไปขึ้นบอลกันเสียเอง โบโยโม่จับบอลแล้วโดนดิอาซฉกไปในกรอบเขตโทษตัวเอง ก่อนทำให้ วินิซิอุส รับบอลมาจากเอ็มบัปเป้ก่อนหนีเอร์เรร่าแล้วยิงเต็มข้อหน้ากรอบหกหลาเข้าไปเป็นแฮตทริก 4-0!!!

80′

ราชันปิดเกมรอเก็บชัย
ท้ายเกมแล้วมาดริดยังคอนโทรลเกมอยู่ฝ่ายเดียวแต่ก็ปล่อยให้โอซาซูน่าได้ครองบอลบ้างแต่เข้ามาหาช่องทำประตูไม่ได้เลย

ราชันระบายยิงยับ 4-0
หมดเวลาการแข่งขัน มาดริด ถล่ม โอซาซูน่า หายห่วง 4-0 ตามหลังบาร์เซโลน่า 6 คะแนนเมื่อแข่งเท่ากัน

โอซาซูน่า
Starting Formation: 4-3-3
1.
เซร์คิโอ เอร์เรร่า

22.
ฟลาเวียน-เอ็นโซ่ โบโยโม่

24.
อเลฮานโดร คาเตน่า

23.
อเบล เบรโตเนส

12.
เฆซุส อเรโซ่

6.
ลูคัส ตอร์โร่

10.
ไอมาร์ โอรอซ
72′

7.
ฆอน มอนคาโยล่า
81′

17.
อันเต้ บูดิเมียร์
72′

19.
ไบรอัน ซาราโกซ่า
81′

15.
รูเบน เปญ่า
58′

ตัวสำรอง
18.
อิเกร์ มูญอซ
81′

4.
อูไน การ์เซีย

13.
ไอตอร์ แฟร์นานเดซ

5.
ฆอร์เก้ เอร์รานโด้

14.
รูเบน การ์เซีย
72′

8.
ปาโบล อิบาเญซ

21.
ฆาเบียร์ มาร์ติเนซ

2.
นาโช่ บิดาล

9.
ราอูล การ์เซีย
58′

20.
โฆเซ่ อาร์นาอิซ
81′

16.
มอย โกเมซ
72′

27.
อิเกร์ เบนิโต้

ผู้จัดการทีม
บิเซนเต้ โมเรโน่


บทความเพิ่มเติม
★
ลูกชายวัย 8 ขวบ เขียนเรียงความถึงแม่บ้าน แม่อ่านแล้วตกใจ รีบกลับบ้านทันที
January 20, 2025

ครูส่งเรียงความของลูกชายวัย 8 ขวบ มาให้อ่าน เขียนถึงแม่บ้าน แม่อ่านแล้วตกใจ รีบออกจากที่ทำงาน ตรงกลับบ้านทันที เรื่องราวนี้ถูกแชร์บนแพลตฟอร์ม Toutiao […]

อ่านต่อ...
★
เวสต์แฮมมองคาร์ริคหากปลดโลเปเตกี
December 8, 2024

ไมเคิ่ล คาร์ริค กำลังตกเป็นเป้าหมายของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด หลังจากอนาคตของเฮดโค้ชคนปัจจุบัน จูเลน โลเปเตกี ไม่มีความแน่นอน

อ่านต่อ...
★
เห็นสิ่งใดก่อน ภาพลวงตา บ่งบอกถึงมุมมองการใช้ชีวิตของคุณ
November 11, 2024

การทดสอบบุคลิกภาพด้วยภาพลวงตานั้น อาศัยหลักการทางจิตวิทยาที่น่าสนใจ โดยภาพเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้เราเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับมุมมอง และประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน ซึ่งในการทดสอบดังกล่าวไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด เป็นวิธีที่ง่ายและสนุกในการรู้จักตัวเอง หรือคนอื่นให้ดีขึ้น […]

อ่านต่อ...
★
เทอร์รี่ย้อนมองสถิติที่ยากทำลายกับสิงห์
October 11, 2024

จอห์น เทอร์รี่ ตำนานกองหลังของ เชลซี ทบทวนสถิติเรื่องการเสียประตูที่ทำร่วมกับสโมสรในฤดูกาล 2004/05 ที่มองว่าคงยากที่ใครจะมาทำลายได้     ย้อนกลับไปเมื่อ 20 […]

อ่านต่อ...