ปัญหาการก่อสร้างโครงการท่อระบายน้ำในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ และโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่ง จำนวน 8 โครงการ งบประมาณ 545 ล้านบาท ของ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ว่าจ้าง 2 หจก. เป็นผู้รับจ้าง โดยเริ่มต้นทยอยทำสัญญาก่อสร้างในแต่ละโครงการตั้งแต่ปี 2562-2565 แต่ถึงปัจจุบันปี 2568 ทุกโครงการก่อสร้างไม่เสร็จแม้แต่โครงการเดียว จนทาง กมธ.ป.ป.ช. เข้าตรวจสอบเพื่อประชาชน จนล่าสุดช่วงปลายเดือน มกราคม 2568 กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ประกาศเวียนห้างให้ทั้ง 2 หจก. นี้เป็นผู้รับเหมาทิ้งงาน ทำให้ทั้ง 2 หจก. หมดสิทธิ เข้ารับงานกับภาครัฐในทุกกระทรวง ทบวง กรม ตกกลายเป็นมหากาพย์งานก่อสร้างฉาวโฉ่ข้ามปี ที่ถูกชาวกาฬสินธุ์ขึ้นป้ายประณามว่า โครงการก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร ที่อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของ ป.ป.ช.-สตง. และ คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 68 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานว่า ที่ถนนผังเมือง 2 ชุมชนหนองเรือ-หัวคู จุดก่อสร้างโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลัก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมเมือง และจุดก่อสร้างโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งแก่งดอนกลาง ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ดร.ฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนฯ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย และรับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากงานก่อสร้าง พร้อมกับทำการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมที่ขณะนี้ทราบว่า การตรวจสอบปัญหาการก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร สตง. กำลังเร่งตรวจสอบเอกสาร ทั้ง 8 โครงการ ที่ได้รับมาจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ท่ามกลางการเฝ้าติดตามของประชาชนชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อพิสูจน์การทำงานของ สตง. ว่าจะการตรวจสอบจะสามารถพิทักษ์เงินแผ่นดินได้หรือไม่

ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า วันนี้ได้เข้ามาตรวจสอบสภาพปัญหาเพิ่มเติม ที่พบว่ายังสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนชาวเมืองกาฬสินธุ์ และผู้ใช้รถใช้ถนน เสี่ยงทั้งอุบัติเหตุและต้องทนรับสภาพจากกลิ่นเหม็นของน้ำเสีย ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่เพิ่มเติม จุดก่อสร้างโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลัก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมเมือง ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่สุดจากทั้งหมด 8 โครงการ งบประมาณ 148,200,000 บาท เบิกจ่าย 80,166,000 บาท เพื่อดูว่าผู้รับจ้างทำอะไรไว้บ้าง ขณะที่โครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแก่งดอนกลาง งบ 39,540,000 บาท เบิกจ่าย 11,099 ,000 บาท มีเสาเข็ม กองหินระเกะระกะ ทางท้องถิ่นต้องปรับพื้นที่ เพื่อไม่ให้กีดขวางทางจราจร และให้มีพื้นที่ให้พี่น้องประชาชนได้ออกกำลังกายปัญหาที่เกิดขึ้น ได้รับการร้องเรียนจากคณะธรรมาภิบาลกาฬสินธุ์ และชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบเดือดร้อนจนต้องขึ้นป้าย 7 ชั่วโคตร และร้องเรียนไปที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง จึงได้มอบหมาย ให้นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน มาดูก่อน แล้วนำข้อมูลมาพิจารณาเพื่อสร้างความกระจ่างให้กับสังคม สร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนผู้เป็นเจ้าของเงินภาษี โดยได้ขอสัญญาทั้งหมด 8 โครงการจากกรมโยธาธิการเจ้าของโครงการาตรวจสอบ พบว่ามี 8 โครงการ 8 สัญญาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562-ปัจจุบัน มีผู้รับจ้าง 2 รายคือ หจก.เฮงนำกิจ และหจก.ประชาพัฒน์ ตรวจสอบลึกลงไปถึงผู้มีอำนาจในการผูกพันสัญญาทั้ง 2 หจก. เป็นคนนามสกุลเดียวกัน และนามสกุลยังไปสอดคล้องกับผู้หลักผู้ใหญ่ใน จ.กาฬสินธุ์ ทั้งนี้ เมื่อมาเห็นปัญหา ตนรู้สึกห่วงใยเรื่องความเสียหาย และผลกระทบด้านจิตใจต่อพี่น้องประชาชน หลายคนเสียความรู้สึก เสียกำลังใจ เงินภาษีถูกปู้ยี่ปู้ยำ การบริหารสัญญาการก่อสร้าง หน่วยงานที่รับงบประมาณควรดูผู้รับจ้าง ว่ามีความสามารถเพียงพอหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะมีศักยภาพ หลังจากนั้นอาจจะด้อยความสามารถลงมา เช่น ประสบปัญหาเงินขาดสภาพคล่อง รับงานเกินกว่ากำลัง เงินทุนไม่พอ รับงานหลายๆ งานพร้อมกัน จึงเกิดปัญหา ที่ถือเป็นอุทาหรณ์อย่างหนึ่ง

สำหรับ 8 โครงการนี้ กมธ.ป.ป.ช. ยังสอบสวนไม่เสร็จ แต่พบความบกพร่องในการควบคุมงาน เริ่มต้นจากช่างควบคุมงานมีการปล่อยปละละเลยทำงานไม่เรียบร้อย พบว่ามีการเบิกจ่ายเงินจำนวนมาก บางสัญญาเบิกไปถึง 80 ล้านบาท ที่เหมือนกับไม่มีความคุ้มค่าเท่าที่ควร กรณีนี้ จะขอให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างและการตรวจรับงานเข้ามาตรวจสอบในพื้นที่อีกครั้ง เพื่อให้ทราบว่าในแต่ละงวดงานมีการเบิกจ่ายได้อย่างไร มีการเอื้อประโยชน์หรือไม่อย่างไร อย่างตรงไปตรงมา เพราะ กมธ.ป.ป.ช. คือตัวแทนของพี่น้องประชาชน มีหน้าที่ในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ไม่มีอำนาจในการลงโทษใคร แต่การทำงานเมื่อสอบสวนเสร็จแล้วก็จะส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และส่งให้ตำรวจและอัยการพิจารณาดำเนินคดี ดังนั้น กมธ.ป.ป.ช. จึงทำหน้าที่คล้ายพนักงานสอบสวนจะแสวงหาข้อเท็จจริงในเบื้องต้น ไม่ได้บอกว่าทุจริต เพียงแต่สันนิษฐาน ส่อว่าน่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้น คนที่จะชี้ได้คือศาล ซึ่งปัญหาผู้รับจ้างทิ้งงานฯ คณะ กมธ.ทุกคนทำหน้าที่ด้วยความสุจริต เพราะไม่มีใครไปรู้จักผู้รับจ้างทั้ง 2 ราย และอีกทั้งก็ไม่เคยรู้ว่ากรมโยธาฯ มีโครงการนี้ จนมามีการร้องเรียน

ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. กล่าวต่อว่า กรณีผู้รับจ้างมอบอำนาจให้ทนายแจ้งความตน ในข้อหาหมิ่นประมาท ทราบจากไลน์กลุ่ม PR กาฬสินธุ์ที่มีการแชร์นั้น ตนไม่รู้สึกตกใจอะไร แต่กำลังดูข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่พอจะรู้แล้วว่าเรื่องนี้ใครอยู่เบื้องหลัง ก็ฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ยืนยันว่าที่ผ่านมา คณะ กมธ.ป.ป.ช. ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ไม่รู้จักใคร ไม่มีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน ซึ่งกรรมที่ก่อจากปัญหานี้ 2 หจก.นั้น ได้ถูกกรมโยธาฯ สั่งให้เป็นผู้ทิ้งงานแล้ว และกรมบัญชีกลางประกาศเวียนหนังสือเป็นผู้ทิ้งงานไปทั่วประเทศแล้ว ว่า 2 หจก.นี้ เป็นผู้ทิ้งงาน ไม่สามารถจะรับงานได้จนกว่าจะพ้นกำหนดตามเงื่อนไขของกฎหมาย ส่วนทั้ง 2 หจก. จะมีความผิดใดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ยืนยัน คณะ กมธ.ป.ป.ช. ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งตนจะปกป้องศักดิ์ศรีของตน เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการด้อยค่าการทำหน้าที่ สส. และด้อยค่าของคณะ กมธ. ซึ่งทุกคนทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ
“เรื่องข่าวการแจ้งความสิ่งที่ห่วงใยคือ อาจจะทำให้คนทำหน้าที่ตรวจสอบเสียกำลังใจได้บ้าง แต่ส่วนตนไม่รู้สึกตกใจ เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะแล้ว ซึ่ง 2 หจก. ที่แจ้งความตนต่อไปนี้ เมื่อมีกระบวนการทางศาล พี่น้องประชาชนก็จะได้รู้ข้อเท็จจริง ความจริงทั้งหมด จะได้เปิดเผยว่าเป็นอย่างไร ใครอยู่เบื้องหลัง ใครหน่วงเหนี่ยวเรื่องการแก้ไขปัญหา ”7 ชั่วโคตร” เพราะหากไม่มีใครหน่วงเหนี่ยวปัญหานี้ไว้ การแก้ไขปัญหา 8 สัญญา สำเร็จไปนานแล้ว เพราะสัญญาเริ่มตั้งแต่ปี 2562 ผ่านมา 5 ปี ยื้อกันมานาน เพิ่งยกเลิกสัญญาเดือน พ.ค. 67 เวียนหนังสือ ม.ค. 68 ยังไปพบว่า 2 หจก. ไปรับงานได้อีก ในช่วงที่รอประกาศเวียนห้างจากกรมบัญชีกลาง โดยไม่คำนึงถึงผลจะตามมา กรณีถูกแจ้งความ อาจจะทำให้คนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบรู้สึกกลัวอิทธิพลบ้าง กลัวถูกฟ้องร้องดำเนินคดีบ้าง แต่ตนเป็นผู้แทนของประชาชนคนไทย รับเงินเดือนจากภาษีอากรของพี่น้องประชาชนมาตลอดชีวิต เมื่ออาสาเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน เมื่อมีโอกาสเป็นปากเป็นเสียง ก็จะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์แบบ ตามที่พี่น้องประชาชนได้มอบหมายมา” ดร.ฉลาด กล่าว