กรณี เดลินิวส์ นำเสนอข่าวนายทุนปลูกทุเรียนแปลงใหญ่นับพันไร่ ในพื้นที่อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งพบว่า ที่ดินดังกล่าว อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และเป็นพื้นที่ได้ที่จัดให้กับเกษตรกรและผู้ยากไร้ตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือที่เรียกกันติดปากว่าเป็นที่ดิน คทช. แต่ปรากฏว่า มีนายทุนเข้าปลูกสวนทุเรียน นับพันไร่นั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทีมข่าวเดลินิวส์ ได้สัมภาษณ์พิเศษ นายบารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน และเป็นผู้ที่ติดตามการดำเนินการของ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) มาโดยตลอด โดย นายบารมี เปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) จัดตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ประการหนึ่งคือ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านการถือครองที่ดินโดยการจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้แก่ราษฎรที่ยากไร้และเกษตรกร
ซึ่งมีหลักการคือการกระจายสิทธิการถือครองให้แก่ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้รุกล้ำและมีมาตรการป้องกันการเปลี่ยนมือไปอยู่ในครอบครองของผู้ที่มิใช่เกษตรและผู้ยากจนซึ่งมีการจัดระบบข้อมูลจัดทำหลักฐานการถือครองที่ดินของรัฐทุกประเภท โดยที่ดินของรัฐที่จะนำมากำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมายจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนแบ่งได้เป็น 9 ประเภท คือ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลน ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่ราชพัสดุ ที่ดินสงวนเพื่อการนิคมในนิคมสร้างตนเอง ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ป่าไม้ถาวร และที่นิคมสหกรณ์

ในส่วนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าไม้นั้น คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ได้กำหนดแนวทาง ได้กำหนดแนวทาง ไว้ 5 ประการหรือที่เรียกกันว่ารถไฟ 5 ขบวนได้แก่ ขบวนที่ 1 กลุ่มป่าสงวนแห่งชาติ ชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่อยู่ในลุ่มน้ำชั้น 3,4,5 ก่อนมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย. 41 มีพื้นที่ประมาณ 3.9 ล้านไร่ ขบวนที่ 2 ชุมชนที่อยู่ในเขตป่าสวงวนแห่งชาติ ที่อยู่ในลุ่มน้ำชั้น 3,4,5 หลังมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย. 41 โดยใช้คำสั่ง คสช. ที่ 66/2567 มีพื้นที่ประมาณ 3.7 ล้านไร่
ซึ่งหลังจากได้รับอนุญาต ผู้ได้รับอนุญาต จะต้องมีการปลูกป่าในพื้นที่ ตาม มาตรา16,20 ตามโครงการชุมชนปลูกป่าเศรษฐกิจ สร้างเศรษฐกิจจากการปลูกป่า ขบวนที่ 3 ชุมชนที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่อยู่ในลุ่มน้ำชั้น 1,2 ก่อนมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย. 41 มีพื้นที่ประมาณ 2.1 ล้านไร่ และ ชุมชนที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่อยู่ในลุ่มน้ำชั้น 1,2 หลังมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย. 41โดยใช้คำสั่ง คสช. ที่ 66/2567 มีพื้นที่ประมาณ 2.8 ล้านไร่ ผู้ได้รับอนุญาตร่วมกันจัดระเบียบการใช้ที่ดินและออกแบบ

โดยต้องดำเนินการปลูกป่าตามแนวพระราชดำริ ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง พร้อม สร้างฐานเศรษฐกิจจากป่าปลูก สร้างป่า สร้างรายได้ ขบวนที่ 4 กลุ่มป่าอนุรักษ์ ชุมชนที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ ก่อนมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย. 41 และหลังมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย. 41 ขบวนที่ 5 กลุ่มป่าชายเลน ชุมชนในพื้นที่ป่าชายเลน ได้แก่พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ พื้นที่เกษตรกรรม และ พื้นที่เมืองและสิ่งก่อสร้างถาวร
“ซึ่งในส่วนของการอนุญาตนั้นก็จะมีเงื่อนไขชัดเจนว่าชุมชนหรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตจะต้องมีหน้าที่ปฎิบัติตามเงื่อนไขนั้นๆ เช่น การปลูกป่า 3 อย่างใช้ประโยชน์ 4 อย่าง และไม่ได้อนุญาตให้ทำการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเช่น ทุเรียน แต่อย่างใด ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตกลับไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขโดยที่ทางการไม่ได้รับรู้หรือคอยติดตามตรวจสอบแต่อย่างใด” นายบารมี กล่าวทิ้งท้าย