เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้พูดถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “หมอหมู วีระศักดิ์” ซึ่งเปิดผลการศึกษาวิจัยใหม่ล่าสุด ว่า “5 ปัญหาสุขภาพที่ทำให้การอดอาหารอาจเป็นอันตรายได้”

โดย หมอหมู ระบุข้อความว่า “วิธีการอดอาหารที่นิยมใช้ในปัจจุบัน อาจดีต่อบุคคลบางกลุ่ม โดยอาจช่วยควบคุมน้ำหนัก เพิ่มความไวต่ออินซูลิน และส่งเสริมกระบวนการทำความสะอาดเซลล์ที่เรียกว่าออโตฟาจี”
อย่างไรก็ตาม กลไกทางชีววิทยาแบบเดียวกันที่เป็นประโยชน์ต่อบางคน อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างมากต่อคนอื่นๆ ได้ดังต่อไปนี้
1. ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 ต้องระวังการอดอาหาร เนื่องจากอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไปได้
2. ผู้ที่มีประวัติความผิดปกติในการกิน (Eating Disorders)
ผู้ที่เคยมีประวัติความผิดปกติในการกิน เช่น อาการเบื่ออาหารหรือการกินมากเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการอดอาหาร เนื่องจากอาจกระตุ้นพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมหรือทำให้อาการกลับมาอีกครั้ง
3. ผู้ที่อยู่ในภาวะขาดสารอาหาร
ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ (BMI ต่ำกว่า 18.5) ผู้ที่ฟื้นตัวจากการเจ็บป่วย หรือเผชิญกับภาวะทุพโภชนาการ ควรหลีกเลี่ยงการอดอาหาร เนื่องจากอาจทำให้การขาดสารอาหารรุนแรงขึ้นและขัดขวางการฟื้นฟูร่างกาย
4. ผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร
งานวิจัยระบุว่าการอดอาหารของแม่ส่งผลต่อรูปแบบการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์และอาจเพิ่มความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด สำหรับแม่ที่ให้นมบุตร การอดอาหารอาจส่งผลต่อการผลิตและองค์ประกอบของน้ำนม ซึ่งอาจส่งผลต่อโภชนาการของทารก
5. ผู้ที่มีโรคประจำตัวต้องทานยาเป็นประจำ
ยาหลายชนิดต้องรับประทานพร้อมอาหารเพื่อให้ดูดซึมได้อย่างเหมาะสม เพิ่มประสิทธิภาพ และลดผลข้างเคียง การอดอาหารอาจรบกวนตารางการใช้ยาที่ถูกออกแบบมาอย่างรอบคอบ
นอกจากนี้ ยาที่ได้รับผลกระทบจากการอดอาหาร ได้แก่
1. ยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs (เช่น ไอบูโพรเฟน) คือ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อแผลในกระเพาะอาหารหากรับประทานโดยไม่มีอาหาร
2. ยารักษาไทรอยด์ คือ อาจมีรูปแบบการดูดซึมที่เปลี่ยนแปลงเมื่อนำมาใช้ร่วมกับการอดอาหาร
3. ยารักษาเบาหวาน คือ ต้องมีการปรับขนาดยาอย่างระมัดระวังระหว่างช่วงอดอาหาร
4. ยาควบคุมความดันโลหิต คือ อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะหรือเป็นลม หากระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม “ยารักษาโรคทางจิตเวช คือ ยาหลายชนิดต้องการอาหาร เพื่อช่วยในการดูดซึมและลดผลข้างเคียง ผู้ที่ใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ควรปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์ ก่อนเริ่มการอดอาหาร ในบางกรณีสามารถปรับเวลาหรือปริมาณยาให้สอดคล้องกับรูปแบบการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไป แต่ต้องทำภายใต้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ” หมอหมูกล่าว
ขอบคุณข้อมูล : หมอหมู วีระศักดิ์