เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการตรวจพบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อปลูกทุเรียนโดยกลุ่มทุนต่างชาติ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแควระบมและป่าสียัด หมู่ 20 บ้านห้วยนา และหมู่ 14 บ้านเขากล้วยไม้ ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา โดยไม่ได้รับอนุญาต พบการปลูกทุเรียนในเขตป่าสงวนฯ โดยนายทุนจำนวน 2 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 342 ไร่ พบการเปลี่ยนแปลงสภาพป่าขุดสระเก็บน้ำ และสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ การตรวจสอบพบว่า สวนทุเรียนนี้เคยเป็นของบริษัทผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ก่อนจะถูกเปลี่ยนมือเป็นบริษัทปลูกทุเรียน ซึ่งเป็นบริษัทที่มีเจ้าของเป็นชาวจีน แต่จดทะเบียนในประเทศไทยโดยใช้ตัวแทนคนไทย เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย

นอกจากนี้ มีหลักฐานว่ากลุ่มทุนจีนเข้ามาซื้อที่ดินโดยใช้ “ใบ ปท.5” ซึ่งเป็นเอกสารที่สามารถใช้เป็นหลักฐานทางภาษีในการซื้อขายที่ดิน แม้ว่าจะไม่ใช่เอกสารสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมาย หนึ่งในมาตรการเร่งด่วนที่คณะกรรมาธิการเสนอคือ “ตัดไฟฟ้า” เช่นเดียวกับมาตรการที่ใช้ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากไฟฟ้าที่เข้าถึงสวนทุเรียน อาจเป็นผลจากการเอื้อประโยชน์ของเจ้าหน้าที่บางส่วน การไฟฟ้าจึงได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบและตัดไฟในพื้นที่ที่เข้าถึงโดยมิชอบทันที นอกจากนี้การสอบสวนพบว่า ที่ดินเหล่านี้ถูกซื้อขายและเปลี่ยนมือหลายครั้งผ่านบริษัทจีน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ ป่าไม้ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินคดีเอาผิดทั้งในส่วนของประชาชนที่ขายที่ดินโดยมิชอบ และบริษัทจีนที่รับซื้อที่ดินผิดกฎหมาย

ซึ่งการดำเนินคดีครั้งนี้จะใช้ กฎหมาย ปปง. (พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มทุนจีน และอาจนำไปสู่การยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย จากรายงานผลการปราบปรามนายทุนปลูกทุเรียนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบม และป่าสียัด พื้นที่ 344 ไร่ 75 ตารางวา โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 แปลง คทช. ที่ได้รับอนุญาต แปลงที่ 1 เนื้อที่ 130 ไร่ 1 งาน แปลงที่ 2 เนื้อที่ 8 ไร่ 1 งาน 90 ตารางวา ส่วนที่ 2 แปลง คทช. ยังไม่ได้รับอนุญาต แปลงที่ 1 เนื้อที่ 35 ไร่ 3 งาน 1 ตารางวา แปลที่ 2 เนื้อที่ 72 ไร่ 2 งาน 2 ตารางวา และส่วนที่ 3 ไม่เป็นแปลง คทช. แปลงที่ 1 เนื้อที่ 61 ไร่ 2 งาน 35 ตารางวา แปลงที่ 2 เนื้อที่ 92 ไร่ 82 ตารางวา ทั้งนี้ ในส่วนที่ 1 อยู่ในระหว่างรอดำเนินการ ส่วนที่ 2 กับส่วนที่ 3 ได้แจ้งความดำเนินคดี เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ประกอบด้วยเนื้อที่ 164 ไร่ 2 งาน 64 ตารางวา และรอดำเนินการ อีก 40 ไร่ 3 งาน 21 ตารางวา ซึ่งผลการลงพื้นที่และตรวจสภาพจะได้รายงานผลการลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการต่อผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา

โดยเบื้องต้น ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มอบแนวทางดำเนินการ กรณีนายทุนปลูกทุเรียน ในแปลง คทช. ที่ได้รับอนุญาต (ยังไม่จัดที่ดินให้ราษฎร) แนวทางที่ 1 คือ 1. ผวจ./ผู้แทน แจ้งความดำเนินคดี 2.จังหวัดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและพืชอาสิน 3.จังหวัดปลูกฟื้นฟูสภาพป่า แนวทางที่ 2 คือ 1.ผวจ./ผู้แทน แจ้งความดำเนินคดี 2.จังหวัดส่งคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ 3.กรมป่าไม้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและพืชอาสิน 4.กรมป่าไม้ปลูกฟื้นฟูสภาพป่า และแนวทางที่ 3 คือ 1.กรมป่าไม้ แจ้งความดำเนินคดี 2.กรมป่าไม้ขอคืนพื้นที่ 3.กรมป่าไม้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและพืชอาสิน 4.กรมป่าไม้ปลูกฟื้นฟูสภาพป่าต่อไป

นายชัยนันท์ อิ่มเจริญ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน ทำหน้าที่ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ฉช.3 (หนองคอก) กล่าวว่า จากการทำหนังสือถึงผู้ครอบครองเดิม 20 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจังหวัดตราด ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองในที่ดินบนเนื้อที่ 500 ไร่ ที่มีการบุกรุกทำสวนทุเรียน ยังไม่มีใครเข้ามาแสดงตน มีเพียงรายเดียวที่บอกว่ามีชื่อของพ่อ แต่พ่อไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน ส่วนของตน ได้ดำเนินการแจ้งความเรียบร้อยในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพิ่มเติมไปยัง นายพันธ์ศักดิ์ ธรรมรัตน์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา ทราบว่า ช่วงนี้กำลังเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเตรียมแจ้งความเพิ่มสัปดาห์หน้า