เมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ “พยัคฆ์ไพร” โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า “กรมป่าไม้เปิดยุทธการ “พิทักษ์ผืนป่าตะวันออก” นำกำลังปูพรมเข้าตรวจสอบการบุกรุกเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ เพื่อทำพืชเกษตรปลูกพืชเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะทุเรียน และยางพารา ล่าสุดวันนี้เข้าตรวจยึดสวนทุเรียน 63 ไร่เศษ หลังพบข้อมูลว่ามีการใช้เครื่องจักรกลหนักปรับพื้นที่ซึ่งมีความลาดชัน ตัดไม้หวงห้ามขนาดใหญ่เพื่อปลูกทุเรียน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าตกพรม ตำบลบ่อเวฬุ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี”

สืบเนื่องจากการร้องเรียน/แจ้งเบาะแส และการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้ ในท้องที่จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด พบว่ามีการบุกรุกเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ เพื่อทำพืชเกษตรปลูกพืชเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะทุเรียน และยางพารา อยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระหว่างเดือนมกราคม ถึงกุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจยึดดำเนินคดีไปแล้วกว่า 15 คดี เนื้อที่กว่า 2,250 ไร่ ซึ่งเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป รวมถึงการลงพื้นที่ติดตาม ศึกษา และให้คำแนะนำของคณะกรรมาธิกาiทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่กรมป่าไม้

โดยหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นำโดยนายชาญชัย กิจศักดาภาพ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ และหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นำกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมกับ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) หน่วยงานในสังกัดสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ชลบุรี) และกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดยุทธการ “พิทักษ์ผืนป่าตะวันออก” เข้าตรวจสอบจุดเป้าหมายในท้องที่จังหวัดจันทบุรี ที่คาดว่าจะมีการบุกรุก แผ้วถาง ยึดถือครอบครอง และเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 10 จุด เนื้อที่ประมาณ 800 ไร่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ตรวจยึดคืนพื้นที่ป่า นำกลับมาฟื้นฟูสภาพป่า และหยุดยั้งการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าไม้ และจะขยายผลไปในท้องที่จังหวัดตราด ต่อไป

ปฏิบัติการวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันเข้าทำการตรวจสอบและตรวจยึดพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก แผ้วถาง ยึดถือครอบครอง เพื่อทำสวนทุเรียน ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าตกพรม ท้องที่หมู่ที่ 4 บ้านโชคดี ตำบลบ่อเวฬุ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี จากการตรวจสอบพบการปรับสภาพพื้นที่ลักษณะขั้นบันได โดยใช้เครื่องจักรกลหนัก ในพื้นที่ซึ่งมีความลาดชัน เพื่อปลูกพืชผลทางการเกษตร ชนิดต้นทุเรียน ต้นยางพารา ระหว่างตรวจสอบพบว่ามีชายคนหนึ่ง ขี่จักรยานยนต์วิบากออกจากที่

โดยได้อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีออกไป เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามจากผู้ครอบครองแปลงที่ดินข้างเคียง ให้ข้อมูลว่า บุคคลดังกล่าวมาเปิดและปิดระบบน้ำสำหรับรดต้นทุเรียนเป็นประจำ แต่ไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใด เนื่องจากไม่เคยสอบถามชื่อของบุคคลดังกล่าว และไม่แน่ว่าบุคคลนั้นเป็นเจ้าของผู้ครอบครองหรือเป็นคนงาน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในพื้นที่พบยางพาราอีกประมาณ 250 ต้น และต้นทุเรียนอายุประมาณ 3 เดือน จำนวน 350 ต้น และพบกล้าทุเรียนอีกจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกับพบไม้หวงห้ามขนาดใหญ่ถูกตัดโค่นจำนวนมาก โดยปรากฏร่องรอยตอไม้กระจายในพื้นที่ จากการตรวจสอบพบเป็นไม้พระเจ้า 5 พระองค์ และไม้ตะเคียนทั้งท่อนและแปรรูปในพื้นที่ รวมปริมาตร 39.42 ลูกบาศก์เมตร

เจ้าหน้าที่จึงได้จับค่าพิกัดรอบแปลงที่ดิน คำนวณเนื้อที่ได้ 63-0-08 ไร่ และได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ ปฏิบัติการบินถ่ายภาพบริเวณแปลงที่ดินเกิดเหตุจากมุมสูง และบันทึกภาพลักษณะการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ เมื่อได้ตรวจสอบกับระบบภูมิสานสนเทศ พบว่าแปลงที่ดินดังกล่าว ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าตกพรม ฐานข้อมูลไม่ปรากฏการสำรวจถือครอง เพื่อดำเนินโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และไม่พบการอนุญาตหรือสิทธิครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตามกฎหมายอันเกี่ยวข้องในที่ดินแต่อย่างใด
ซึ่งการเข้าครอบครองทำประโยชน์ของบุคคลในที่ดินรายนี้ เป็นการกระทำฝ่าฝืนระเบียบและกฎหมาย จึงได้ดำเนินการตรวจยึดพื้นที่ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรตกพรม เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฐานกระทำความผิดตามมาตรา 14 มาตรา 31 มาตรา 26/4 และพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในฐานความผิดตามมาตรา 11 มาตรา 73 มาตรา 54 มาตรา 55 มาตรา 72 ตรี และมาตรา 69

ขอบคุณข้อมูล-ภาพ เพจ “พยัคฆ์ไพร”