เซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ อดีตประธานฟีฟ่า ชี้ว่า อังกฤษ ควรจะได้ถูกเลือกเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ก่อนซาอุดีอาระเบีย รวมถึงให้ความเห็นว่าในปี 2026 ที่จะมีทีมเพิ่มขึ้นเป็น 48 ทีมจะทำคุณภาพทัวร์นาเมนต์ลดลง
ซาอุดีอาระเบีย ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 โดยไม่มีการโต้แย้ง ทำให้เหลือในปี 2038 อังกฤษ น่าจะเสนอตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งที่สอง ต่อจากปี 1966 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพและคว้าแชมป์โลก ขณะที่นักเคลื่อนไหวด้านสภาพภูมิอากาศเนื่องจากต้องเดินทางข้ามสามทวีปมากขึ้น จึงทำให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้น และถูกตั้งคำถามเรื่องสภาพอากาศรวมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประเทศ ซึ่งคล้ายกับ กาตาร์ ที่เคยเป็นเจ้าภาพในปี 2022
สื่ออังกฤษ เผย อาร์เซน่อล เตรียมโละ 7 แข้งซัมเมอร์นี้
ฟีฟ่า ยืนยันซาอุดีอาระเบีย เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034
AFP/FABRICE COFFRINI
เซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ อดีตประธานฟีฟ่า
“อังกฤษทำผลงานได้ดีมากในเกมฟุตบอลและพวกเขาควรได้รับรางวัลตอบแทน”
“พวกเขาพยายามมาตั้งแต่ปี 1966 เพื่อนำฟุตบอลโลกกลับคืนมา และเป็นเรื่องน่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถทำได้”
“พวกเขาควรตื่นขึ้นมาและเสนอตัวใหม่อีกครั้ง”
“พวกเขาควรจะจัดการเรื่องนี้ก่อนซาอุดีอาระเบีย แต่การจัดการครั้งนี้มีวิธีการที่ชาญฉลาดมาก จึงไม่มีใครออกมาคัดค้าน” เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์
นอกจากนี้ แบล็ตเตอร์ ยังได้พูดถึงฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และแคนาดาจะเป็นเจ้าภาพร่วม ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่จะมีเพิ่มจาก 32 ทีม เป็น 48 ทีม ว่ามันจะกลายเป็นเหมือนเทนนิสแกรนด์สแลม เข้าไปแล้ว
“มันใหญ่เกินไปแล้ว มันจะกลายเป็นเหมือนเทนนิสแกรนด์สแลมที่ทุกคนไปแข่งขันฟุตบอลโลกหรือเปล่า แล้วต่อไปจะเป็นอย่างไร 128 ทีมเหรอ?“
“ผมพูดเสมอว่ามีทีมมากเกินไปและคุณภาพไม่เท่ากัน ใครคือผู้เสียหาย – ผู้ชม?”
“มันใหญ่เกินไปแล้ว” เขากล่าว “มันจะกลายเป็นเหมือนเทนนิสแกรนด์สแลมที่ทุกคนไปแข่งขันฟุตบอลโลกหรือเปล่า แล้วต่อไปจะเป็นอย่างไร 128 ทีมเหรอ?
“ผมพูดเสมอว่ามีทีมมากเกินไปและคุณภาพไม่เท่ากัน” แบล็ตเตอร์กล่าวเสริม “ใครคือผู้เสียหาย – ผู้ชม”
“ตราบใดที่ฟุตบอลยังมีแฟนบอลถึง 2 พันล้านคน ฟีฟ่าก็คิดว่าพวกเขามีความสุข”
“แต่สักวันหนึ่งจะต้องมีการหยุดลง คุณไม่สามารถพัฒนาฟุตบอลได้มากกว่านี้ แม้ผู้เล่นมากขึ้น มีเงินมากขึ้น มีผู้ชมมากขึ้น และมีสนามกีฬามากขึ้น”
