จากกรณี “เดลินิวส์” ได้เสนอข่าวปัญหาการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูให้เช่าของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จนนำไปสู่การตรวจสอบของ กอ.รมน.ภาค 4 และพบปัญหาความรุนแรงในหลายพื้นที่ และมีการขยายผลสอบสวนไปถึงบริษัทนิติบุคคลของชาวต่างชาติ พบว่ามีการจดนิติกรรมโดยใช้บุคคลชาวไทยถือหุ้นในสัดส่วนที่ให้เป็นบริษัทนิติบุคคลสัญชาติไทย หรือ “นอมินี” ต่อมาตำรวจ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี โดย ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ภ.จว. สุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับบริษัทนิติบุคคลของชาวต่างชาติซึ่งใช้ชาวไทยถือหุ้นแทน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 25 ก.พ. พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี รอง ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนสอบ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรสืบสวน ภาค 8 ตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 8 จุด หลังจากได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากเทศบาลนครเกาะสมุย ให้ดำเนินคดีกับบริษัทที่บุกรุกที่ดินบนเขาเฉวงน้อย ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย กรณีก่อสร้างอาคารโครงการหรู ความผิด ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเปิดบริษัทโดยใช้คนไทยถือหุ้นแทน (คดีนอมินี)
ภายหลังได้มีการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และเชื่อว่ามีสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง บนเกาะสมุย มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลให้กับชาวต่างชาติเพื่อประกอบธุรกิจ เช่น วิลล่าให้เช่า ร้านอาหาร และงานบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว จึงนำหมายค้นเข้าตรวจค้นสำนักงานกฎหมายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเอกสารเกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล เอกสารการซื้อขายที่ดิน และคอมพิวเตอร์ไปตรวจสอบ ขณะที่การตรวจค้นเป้าหมายอื่นอีก 7 แห่ง ประกอบด้วย ร้านขายกาแฟและเบเกอรี่ วิลล่าให้เช่า สำนักงานขาย สินค้าเพื่อสุขภาพ มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสำนักงานกฎหมายฯ และการตรวจสอบยังพบว่าสำนักงานกฎหมายฯ ยังจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลมากกว่า 160 บริษัท และทั้งหมดมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่เดียวกันหมด

สำหรับการเข้าตรวจค้นและยึดเอกสารในครั้งนี้ ตำรวจสืบสวนขยายผลพบหลักฐานเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจเพิ่มเติมของนักธุรกิจชาวเยอรมัน ซึ่งศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้แจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีมาแล้ว 8 คดี เมื่อปลายปี 2567 นอกจากจะเข้ามาปักหลักแย่งอาชีพคนไทยแล้ว เช่น เปิดร้านอาหาร ให้เช่าที่พัก โดยใช้บริษัทนอมินีบังหน้าเพื่อหลบเลี่ยงในการจ่ายภาษีให้กับประเทศไทย