กรณีเกิดเหตุการณ์ ผู้บังคับบัญชาทหารกัมพูชา นำคณะแม่บ้าน 25 คน ขึ้นมาร้องเพลงชาติตัวเองปลุกใจ ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ก่อนที่ทหารไทยจะเข้าไปห้ามและทำให้ผู้บังคับบัญชาของทหารกัมพูชา คือ พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ ผบ.พลน้อย.ร.42 เกิดความไม่พอใจและพูดท้าทาย ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

มทภ.2 ทำหนังสือประท้วงกัมพูชา ปมทหารร้องเพลงชาติในเขตไทย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ในพื้นที่โดยรอบบริเวณปราสาทตาเมือนธม ยังคงมีการเฝ้าระวังของกำลังทหารทั้งสองฝ่ายอย่างเข้มงวด โดยล่าสุดมีรายงานว่าจะมีการหารือพูดคุยระหว่างผู้นำทหารทั้งสองฝ่ายอีกครั้งในเร็วๆนี้เพื่อหาข้อยุติ แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีการจัดกำลังเฝ้าระวังของทหารทั้งสองฝ่ายอยู่อย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงเย็นวานนี้ (17 ก.พ.68) พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ลงพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือน โดยตรวจเข้มบริเวณโดยรอบตัวปราสาท พร้อมย้ำกำลังพลในพื้นที่ ห้ามมิให้เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก โดยกองกำลังสุรนารี เผยว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการทำหนังสือประท้วงการกระทำที่ไม่เหมาะสมไปยังผู้บัญชาการภูมิภาคทหาร ที่ 4 ประเทศกัมพูชา และถือว่าเป็นหนังสือประท้วงถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมเป็นฉบับที่ 2 เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์คล้ายลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 โดยทางกองทัพก็ได้ทำหนังสือประท้วงไปยังผู้บัญชาการภูมิภาคทหาร ที่ 4 ประเทศกัมพูชา แล้วครั้งที่ 1 และนี่ถือว่าเป็นเหตุการณ์เดิมๆ เป็นครั้งที่ 2

โดยหนังสือประท้วงมีเนื้อหาดังนี้ “ด้วยเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 กองกำลังสุรนารี ได้ตรวจพบว่ามีประชาชน ทหารกัมพูชา ทำการรวมกลุ่มยืนร้องเพลงบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้เข้าห้ามปรามไม่ให้กระทำในลักษณะดังกล่าว ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลงเดิม ที่ทั้งสองฝ่ายได้กำหนดถึงการปฏิบัติของทั้งสองฝ่ายในการเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม

กองกำลังสุรนารี จึงขอแสดงความไม่สบายใจต่อการกระทำของฝ่ายกัมพูชาในครั้งนี้ ซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีในระดับพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงขึ้นในอนาคต จึงขอให้ท่านแจ้งเจ้าหน้าที่ ให้ชี้แจงถึงการปฏิบัติในการเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม ให้กับประชาชน หรือนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังปราสาทตาเมือนธม ไม่ให้กระทำการในลักษณะดังกล่าวอีก ทั้งนี้เพื่อแสดงถึงความจริงใจ และความพยายามในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทั้งเป็นการรักษาความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศต่อไป หน่วยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะได้รับความร่วมมือด้วยดีจากท่านเช่นที่ผ่านมา”