เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 16.30 น. วานนี้ (14 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่าพบถุงกระเป๋าตกอยู่ข้างทาง ริมถนน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 129 เส้นทาง แพร่-ร้องกวาง บริเวณยูเทิร์น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดแพร่ ด้านในมีบรรจุภัณฑ์คล้ายยาบ้า ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ จึงได้ประสาน ร.ต.ต.นิรัช สายาจักร เจ้าหน้าที่สายตรวจตำบลนาจักร พร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองแพร่ เข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบเบื้องต้นของที่อยู่ในถุงเป็นยาเสพติดจึงแจ้ง ร.ต.อ.ก้องนภา วงศ์ชัย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ จ.แพร่ เข้าร่วมตรวจสอบอีกครั้ง

เบื้องต้นพบถุงกระเป๋าลายแดง เขียว น้ำเงิน ตกอยู่ในพงหญ้าข้างทาง ด้านในมีถุงดำ ห่อทับอีกชั้น ในถุงดำเป็นถุงสีเหลืองก้อนใหญ่ 1 ก้อน ก้อนเล็ก 1 ก้อน ในถุงสีเหลืองก้อนใหญ่พบมีถุงก้อนสีเหลืองเล็กๆ อีก 10 ก้อน รวมเป็นก้อนเล็กทั้งหมด 11 ก้อน บรรจุถุงซิบสีน้ำเงิน และสีดำจำนวนมาก ตรวจสอบเบื้องต้นพบด้านในมียาลักษณะคล้ายยาเสพติด คาดคะเนจำนวนคร่าวๆ ประมาณก้อนละ 10,000 เม็ด ทั้งหมด 11 ก้อน รวม 110,000 เม็ด จึงประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดแพร่ เข้าตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ว่าใช่ยาบ้าหรือไม่

สอบถามเบื้องต้น มีนาย ก (ไม่ประสงค์เปิดเผยตัวตนเพื่อความปลอดภัย) เล่าว่า ตนกำลังจะนำของเก่าไปขาย ออกจากบ้านมาตามทางก็พบถุงกระเป๋าอยู่ในพงหญ้าข้างทาง ก็เอะใจลักษณะของถุงคล้ายบรรจุยาเสพติด จึงโทรไปแจ้ง 191 เจ้าหน้าที่ให้เปิดดู ตนจึงใช้กุญแจเปิดถุงออกมาพบมีถุงดำอยู่ด้านใน คิดว่าน่าจะเป็นยาบ้าแน่นอน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ขอให้มาตรวจสอบเพราะน่าจะมีอยู่จำนวนไม่น้อยเลยตนผ่านเส้นนี้เป็นประจำ เมื่อวานไม่เห็นมี พึ่งเห็นวันนี้

ทางด้าน ร.ต.ต.นิรัช กล่าวว่า ได้รับแจ้งจาก 191 ให้มาตรวจสอบเนื่องจากมีผู้แจ้งเข้าไปว่า พบถุงบรรจุยาเสพติดอยู่ข้างทาง จึงเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งดูแล้วคล้ายยาเสพติด จึงแจ้งผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบพบว่าจุดดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิดที่ส่องมาถึง เป็นถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เมื่อวานนี้ยังไม่มีกระสอบใบนี้ คาดว่าเพิ่งจะนำมาทิ้งในวันนี้แต่ไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด แต่ก็จะพยายามตรวจสอบพื้นที่โดยรอบโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อหากล้องวงจรปิดหรืออาจมีใครพบเห็นขณะที่มีการนำกระสอบมาทิ้งเพื่อสาวไปหาขบวนการขนยาเสพติด และนำมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.