หลังจากช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ทางกองทัพเรือ ได้ตรวจพบการปลอมแปลง การประทับตรา “เอกสารสิทธิที่ดินในเขตทรงสงวน” อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นจำนวนมาก ทำให้หวั่นเกรงปัญหาจะมีผู้นำเอกสารสิทธิที่ดินฯซึ่งปลอมการประทับตราของกองทัพเรือ ไปทำธุรกรรมกับทางธนาคารต่างๆ จึงได้ส่งเรื่องไปให้ทาง ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับทราบถึงข้อพิรุธที่เกิดขึ้นในเอกสาร ส่งผลทำให้ตอนนี้ ธนาคารหลายแห่ง เริ่มมีมาตรการตรวจสอบโฉนดที่ดินในเขตทรงสงวน อ.สัตหีบ ใครจะมายื่นทำนิติกรรม จะต้องมีหนังสือยืนยันจากทางกองทัพเรือมาประกอบด้วย
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้ ธนาคารเกือบทุกแห่ง ในพื้นที่ อ.สัตหีบ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และอ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งมี “ที่ดินในเขตทรงสงวน” ของกองทัพเรือ อยู่เป็นจำนวนมากนั้น ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารของลูกค้า ซึ่งมีโฉนดอยู่ในเขตทรงสงวน หากจะมายื่นขอทำนิติกรรมเป็นหลักประกันในการยื่นกู้สินเชื่อ ธนาคารจะตรวจเอกสารอย่างละเอียดเป็นพิเศษ ค่อนข้างเข้มงวด โดยต้องมีเอกสารการตรวจสอบความถูกต้อง การได้รับอนุญาตจับจองใช้ประโยชน์ที่ดินทรงสงวนจากกองทัพเรือ แนบมาด้วยทุกแปลง หลังตรวจพบว่าโฉนดบางแปลงอาจได้มาโดยมิชอบ หรือ บางแปลงก็ยังไม่ได้รับการอนุญาตจับจองใช้ประโยชน์จาก กองทัพเรือ อีกทั้งบางโฉนดตราประทับด้านหลังไม่ตรงกับเอกสารต้นฉบับ ทำให้กองทัพเรือไม่สามารถรับรองความถูกต้องได้ จึงเตรียมตรวจสอบปัญหาครั้งใหญ่ในเร็วๆนี้ พร้อมลงดูสภาพพื้นที่ดินในเขตทรงสงวนด้วยแน่นอน
ด้านนาวาเอก อธิคม เลาหะกุล ผู้อำนวยการ กองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ผู้แทน พล.ร.ท.วัชระ พัฒนรัฐ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ เปิดเผยว่า เรื่องที่ดินในเขตทรงสงวน จำนวนกว่า 7 หมื่นไร่ ในอ.สัตหีบ รวมถึงเกาะแก่งต่างๆ ตั้งแต่หมู่เกาะล้าน ไล่มาจนถึงเกาะจวง เกาะจาน เป็นที่ดินที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงพระราชทานให้กองทัพเรือ ตามคำกราบทูล พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จึงได้แบ่งที่ดินเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเรียกว่า “เขตพระราชทาน”ต้องหวงห้ามกรรมสิทธิ์ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ ฐานทัพเรือสัตหีบ (ฐท.สส. )และหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน( นย.) ส่วนที่สองเรียกว่า “เขตทรงสงวน” ไม่หวงแต่ไม่อยากให้ต่างชาติได้จับจองหรือรับซื้อไปได้ และให้กองทัพเรือมีอำนาจในการอนุญาตจับจองได้ตามสมควร โดยไม่เกินขีดขั้น พ.ร.บ.การตัดไม้
นาวาเอก อธิคม กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ประชาชนขอกู้ปลูกบ้านต้องใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักประกันกับธนาคารนั้น ปัจจุบันทางธนาคารมีความประสงค์ขอให้กองทัพเรือ ช่วยดำเนินการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องว่า ได้อนุญาตให้จับจองทำประโยชน์แล้วจริง เพื่อธนาคารจะไม่ต้องบริหารความเสี่ยงเรื่องหนี้เสีย ถ้าตรวจสอบโฉนดได้รับการรับรองอนุญาตให้จับจองทำประโยชน์อย่างถูกต้องจึงจะสามารถนำโฉนดที่ดินไปแนบเอกสารยื่นขอกู้สินเชื่อกับธนาคารได้ สำหรับกรณีปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน ตรวจพบว่าไม่ถูกต้องและคาดเคลื่อนจากความเป็นจริงนั้น กำลังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบทั้งระบบหาผู้กระทำผิด โดยอยู่ระหว่างขอให้เจ้าพนักงานที่ดินช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกทางหนึ่ง จากนั้นกองทัพเรือจะแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด.
