คืบหน้ากรณี นายอัครเดช จันทแสง หรือ “เสี่ยโจ้ มหาเฮง” ลูกศิษย์ก้นกุฏิเกจิชื่อดังอีสาน ที่ จ.ร้อยเอ็ด เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ในคดีฉ้อโกงทรัพย์ โดยกล่าวหาว่า คุณนายผู้ว่าฯ ท่านหนึ่งทางภาคอีสาน โกงเงินค่าสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นหนี้เงินคงค้างกว่า 10 ล้านบาทเศษ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานโจ้มหาเฮง ตั้งอยู่อาคารพานิชย์ หน้าตลาดเอราวัณ ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด นายอัครเดช จันทแสง หรือ “เสี่ยโจ้ มหาเฮง” เปิดหน้าแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า การออกมาแถลงข่าวครั้งนี้ เพื่อขอความเมตตาต่อพี่น้องสื่อมวลชนทุกแขนง เพราะในวันนี้ตนตัดสินใจดับเครื่องชนเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และพร้อมที่จะตอบทุกคำถามและทุกเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในครั้งนี้ ตนถูกคุณนายผู้ว่าฯ คนนี้โกงแน่นอน เพราะที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวจากพี่น้องสื่อมวลชน มีการออกข่าว หรือตามข่าว ตนก็โพสต์เฟซบุ๊กเพื่อที่จะให้คุณนายผู้ว่าฯ ติดต่อเข้ามาพูดคุยกัน เพื่อหาทางออก เพราะต้องการที่จะเอาเงินคืน แต่คุณนายผู้ว่าฯ ก็ไม่เคยที่จะติดต่อเพื่อพูดคุยกันอย่างดีโดยเฉพาะในเรื่องการชำระหนี้ที่เหลืออีก 10.2 ล้านบาท คืนให้แต่อย่างใด
เสี่ยโจ้ มหาเฮง เท้าความถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เริ่มแรกก่อนที่ตนจะตัดสินใจลงทุน ตนกับคุณนายผู้ว่าฯ ถือเป็นลูกศิษย์สำนักเดียวกัน รู้จักมา 5-6 ปี และเห็นคุณนายเป็นคนใจบุญและอีกภาพลักษณ์ก็เป็นภรรยาของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นถึงนายกเหล่ากาชาดจังหวัด จึงไม่มีข้อสงสัยหรือเหตุจูงใจที่ตนจะคิดว่าการลงทุนครั้งนี้จะถูกโกง เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2567 เริ่มมีการพูดคุยกันเรื่องโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่คุณนายผู้ว่าฯ ติดต่อเพื่อที่จะขายให้ตนในราคาฉบับละ 81 บาท มีการเข้ามาชักชวนจนมีการติดต่อ เพราะสนใจและมีการทำสัญญา ซึ่งก่อนหน้านั้น คุณนายผู้ว่าฯ คนนี้ ยังพูดด้วยว่าจะเอาไปเลย 3,000 เล่มหรือเปล่า แต่ทุนของตนไม่ถึง จึงแสดงเจตนาเพื่อขอซื้อสลากเพียง 2,000 เล่ม
เสี่ยโจ้ มหาเฮง กล่าวต่อว่า จากนั้นจึงทำสัญญาลงวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ในราคาสลากใบละ 81 บาท ตกราคาเล่มละ 8,100 บาท จำนวน 2,000 เล่ม คิดเป็นเงิน 16,200,000 บาท และเริ่มจ่ายมัดจำ ในวันที่ 10-11 ตุลาคม 2567 เป็นการโอนเงินมัดจำไปให้ 3 ล้านบาท จากนั้นก็นำเงินสดที่เหลืออีก 13,200,000 บาท ไปส่งมอบให้กับคุณนายผู้ว่าฯ ที่โรงแรงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ต่อมาพบความผิดปกติ เพราะข้อตกลงนัดรับสลากทุกวันที่ 5 และวันที่ 20 ของเดือน และตนได้จ่ายเงินล่วงหน้าไปทั้งหมด 16,200,000 บาท ตั้งเดือนตุลาคม 2567 แต่ปรากฏว่าไม่มีสลากมาส่งตามนัดเลย
เสี่ยโจ้ มหาเฮง กล่าวอีกว่า จากนั้นก็นัดอีกครั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 เป็นสลากงวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 คุณนายผู้ว่าฯ จึงได้นำสลากมาให้ 600 เล่ม แต่ยังค้างอยู่อีก 1,400 เล่ม จากนั้นก็ไม่เคยได้รับสลากอีกเลย อีกทั้งสลากที่รับมาในช่วงนั้น ปรากฏว่าราคาสลากสูงกว่าท้องตลาด ทำให้ตนเชื่อว่าการที่คุณนายผู้ว่าฯ นำสลากมาขายให้ จะเป็นการกว้านซื้อสลากในตลาดมาให้ตนแทน เพราะมีการตีตราประทับขอบสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อเห็นความผิดปกติและเชื่อว่าจะไม่ได้รับสลากที่เหลือ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เสลภูมิ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ที่ตนประสงค์ให้ตำรวจเป็นสื่อกลางในการเรียกร้องเงินคืน แต่เมื่อไม่ได้คืนครั้งนี้ ก็ตัดสินใจที่จะขอความเป็นธรรมในทุกรูปแบบ

“ที่ผ่านมายอมรับว่า ผมเคยโทรศัพท์ไปหาท่านผู้ว่าฯ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่เริ่มเป็นข่าว ก็เพื่อขอให้ท่านผู้ว่าฯ ช่วยบอกคุณนายให้คืนเงินให้ผมด้วย แต่ท่านผู้ว่าฯ ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อ้างว่าแยกทางกัน หย่ากันนานแล้ว เรื่องนี้ผมไม่รู้ว่าหย่าจริงหรือไม่ หรือเพื่อหลีกเลี่ยง เพราะตอนมีข่าวที่ท่านอนุทิน (อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย) ให้ข่าวว่า ต้องรอตรวจสอบข้อมูล ถ้ากระทำความผิดจริง ผู้ว่าฯ ก็ต้องซวยร่วมกับภรรยาด้วย ขณะนี้ผมมีหลักฐานคือสัญญาที่ทำขึ้นไว้ระหว่างผมกับคุณนายผู้ว่าฯ และแชตไลน์การพูดคุยกันนับร้อยหน้าแชต ที่ระบุจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชี จึงขอให้พี่น้องสื่อมวลชนช่วยเหลือและนำเสนอข้อเท็จจริงในครั้งนี้ด้วย” เสี่ยโจ้ มหาเฮง กล่าววิงวอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวในครั้งนี้ เสี่ยโจ้ มหาเฮง ได้นำเอกสารเป็นบันทึกประจำวัน คำให้การร้องทุกข์กล่าวโทษ ระบุชื่อและนามสกุลของคุณนายผู้ว่าฯ คนดังกล่าวอย่างชัดเจน ในบันทึกยังระบุข้อกล่าวหา เป็นคดีฉ้อโกง ที่ผู้ร้องประสงค์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยมี พ.ต.ท.มนตรี เอกศิริ เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี สภ.เสลภูมิ
รวมทั้งหลักฐานการแชตไลน์สนทนาระหว่างเสี่ยโจ้ กับคุณนายผู้ว่าฯ เกี่ยวกับการซื้อขายสลากและการทวงเงินคืน ไปจนถึงเสี่ยโจ้ได้นำสัญญาซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2567 เป็นการทำสัญญาระหว่างเสี่ยโจ้ กับคุณนายผู้ว่าฯ ระบุชื่อนามสกุลชัดเจน เป็นสัญญาซื้อขายสลากกินแบ่งในงวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 กำหนดรับสลากในวันที่ 20 ตุลาคม 2567 มีการเซ็นรับรองระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายด้วย
นอกจากนี้ ในระหว่างการแถลงข่าว เสี่ยโจ้ มหาเฮง ได้ระบุชื่อจริงและนามสกุลจริงของท่านผู้ว่าฯ และคุณนายผู้ว่าฯ ด้วย โดยให้เหตุผลว่า ประชาชนสงสัยว่าเป็นใคร และไม่อยากให้ผู้ว่าฯ ท่านอื่นต้องด่างพร้อยไปด้วย พร้อมระบุเหตุผลในการตัดสินลงทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลกับคุณนายผู้ว่าฯ เนื่องจากเห็นว่า เป็นคุณนายท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และเป็นนายกเหล่ากาชาดจังหวัด ทำให้เชื่อถือว่าน่าจะมีสลากอยู่จริง.