เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 68 มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “หมอเจด” หรือ นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับ “ซีมอสเจล” (Sea Moss Gel) ที่ต้องรู้ก่อนรับประทาน พร้อมแนะผลข้างเคียงหลังกิน และกลุ่มคนที่ไม่แนะนำให้กิน
โดยหมอเจด ระบุข้อความว่า “ต้องรู้ก่อนกิน “Sea Moss Gel” ดีจริงหรือจกตา ช่วงนี้เลื่อนๆ ฟีดไป น่าจะเห็นคลิปหลายๆคน ตักเจลจากกระปุกเข้าปาก พร้อมกับทำหน้าแปลกๆ ทำให้หลายคนสงสัยว่ามันคืออะไร จริงๆ แล้วเทรนด์นี้มันเริ่มจาก “Bella Hadid” นางแบบชื่อดัง ที่ลงคลิปคอนเทนต์ “Morning Routine” ของเธอ และก็ได้หยิบซุปเปอร์ฟู้ดที่เรียกว่า “Sea Moss Gel” ขึ้นมากิน”
อีกทั้ง “หลังจากนั้น คลิปก็ถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นไวรัล ทำให้อินฟลูเอนเซอร์ หรือ “tiktoker” ออกมาลองและรีวิวตามนะครับ แล้ว “Sea Moss Gel” มันคืออะไร ดีจริงไหม เดี๋ยววันนี้อธิบายให้ฟังนะครับ”
สำหรับ “Sea Moss Gel” หรือบางคนเรียกว่า “Irish Moss” เป็นพืชทะเลตระกูลสาหร่ายสีแดง หน้าตาคล้ายๆ กับโนริ หรือ วากาเมะที่เรากินกับซูชิ แต่ตัวนี้มักถูกนำมาใช้ทำ “คาราจีแนน” ซึ่งเป็นสารเพิ่มความหนืดในไอศกรีมและเจลลี่ แต่ตอนนี้เขาเอามาแปรรูปเป็น “Sea Moss Gel” ซึ่งเป็นเจลใสๆ หนืดๆ เพื่อให้กินง่ายขึ้น”
อีกทั้ง “มีขายทั้งแบบผง แคปซูล และเจล ใครสายสุขภาพก็มักจะเอามาผสมสมูทที หรือกินเป็นช็อตๆ ไปเลย เพราะเขาบอกว่ามันมีแร่ธาตุกว่า 90 ชนิด เช่น แมกนีเซียม, ไอโอดีน, เหล็ก และแคลเซียม ที่ว่ากันว่าดีต่อร่างกาย”
โดย “Sea Moss Gel” มีประโยชน์อะไรบ้าง ได้ชื่อว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” เพราะอุดมไปด้วยสารอาหาร ซึ่งมีสรรพคุณดังต่อไปนี้
1. ช่วยบำรุงผิว เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและกระจ่างใส
2. ดีต่อระบบย่อยอาหาร มีไฟเบอร์สูง ช่วยให้ขับถ่ายดีขึ้น และเป็นพรีไบโอติกส์ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง
3. เสริมภูมิคุ้มกัน เพราะมีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
4. ช่วยลดน้ำหนัก เพราะไฟเบอร์ช่วยให้อิ่มนานและลดความอยากอาหาร อีกทั้ง แต่ถึงแม้ประโยชน์จะดูเยอะ แต่ยังไม่มีงานวิจัยที่ชัดเจนพอจะบอกว่า “Sea Moss Gel” ดีขนาดนั้นจริงหรือเปล่า?
โดย “Sea Moss Gel” มีผลข้างเคียงไหม ถึง “Sea Moss” จะดูดีมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังดังต่อไปนี้
1. ไอโอดีนสูง ถ้ากินเยอะไปอาจทำให้ไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
2. เสี่ยงต่อโลหะหนัก ถ้าแหล่งเพาะปลูกไม่ปลอดภัย อาจมีสารปนเปื้อน
3. ปริมาณแร่ธาตุไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา ทำให้เราไม่สามารถรู้แน่ชัดว่า กินแล้วได้ประโยชน์มากแค่ไหน
นอกจากนี้ ใครควรกินและใครไม่ควรกิน
ใครควรกิน?
1. คนที่ขาดแร่ธาตุ เช่น ขาดไอโอดีน, แมกนีเซียม หรือเหล็ก
2. สายสุขภาพ ที่อยากเสริมภูมิคุ้มกันและดูแลสุขภาพลำไส้
3. คนที่ต้องการไฟเบอร์ เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักและระบบขับถ่าย
ใครไม่ควรกิน?
1. คนที่มีปัญหาไทรอยด์ เพราะ Sea Moss มีไอโอดีนสูง กินมากไปอาจกระทบต่อไทรอยด์ฮอร์โมนได้
2. หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพราะยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่องความปลอดภัย
3. คนที่แพ้อาหารทะเล แม้ว่ามันจะเป็นพืชทะเล แต่ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
4. คนที่กังวลเรื่องโลหะหนัก เพราะสาหร่ายทะเลมีโอกาสปนเปื้อนสารโลหะหนักได้ ถ้าแหล่งผลิตไม่ปลอดภัย
นอกจากนี้ “Sea Moss Gel” คุ้มค่าหรือเปล่า หลายคนซื้อตามกระแส เพราะคิดว่ามันดีต่อสุขภาพ แต่ถ้าให้พูดตรงๆ มันก็มีข้อสังเกตเหมือนกัน
1. ราคาสูงกว่าซูเปอร์ฟู้ดตัวอื่น
2. รสชาติไม่อร่อย หลายคนบ่นว่ามีกลิ่นคาวของทะเล และเนื้อสัมผัสคล้ายเจลว่านหางจระเข้
อีกทั้ง “หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ไม่แน่นพอ ยังไม่มีการศึกษาแบบชัดเจนว่า มันช่วยลดน้ำหนักหรือทำให้ผิวดีขึ้นได้จริง สรุปแล้วถ้าถามว่ากินได้ไหม ผมก็ต้องตอบว่า “กินได้นะ” แต่ต้องเลือกจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และไม่ควรบริโภคเยอะเกินไป โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไทรอยด์ หรือคนท้องที่ควรปรึกษาหมอก่อน”
อย่างไรก็ตาม “ก็ต้องแนะนำนะว่า ถ้าอยากสุขภาพที่ดีต้องมาจากการกินอาหารที่หลากหลาย และปรับไลฟ์สไตล์ควบคู่ไปด้วย ไม่ใช่แค่กินอะไรตามกระแสแล้วหวังว่าจะสุขภาพดีนะครับ และควรพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ” หมอเจด กล่าว
ขอบคุณข้อมูล : หมอเจด
