จากกรณี มีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. ในปี 2566 หลังจากพบว่า บนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชัน True ID มีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งบริษัททรูดิจิทัล กรุ๊ป ในฐานะผู้ให้บริการแอป True ID ได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง ต่อมา คณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และ สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์
อีกทั้ง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการออกอากาศบนแพลตฟอร์ม True ID เป็นการออกอากาศผ่าน OTT นั้นยังไม่มีข้อกฎหมายที่จะต้องขออนุญาตจาก กสทช. และการกระทำของจำเลยที่มีการเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ กสทช. ออกหนังสือเป็นการพูดในทำนองว่า ตลบหลัง และการล้มยักษ์นั้น ทำให้มีหลักฐานชัดเจนว่า จำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
ต่อมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตลิ่งชัน มีการนัดฟังคำพิพากษา ในคดีระหว่างฝ่ายโจทก์ คือ บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด และจำเลย คือ น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ กรณีถูกฟ้องหลังปฏิบัติหน้าที่ออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทรูไอดี หลังมีการเลื่อนฟังคำพิพากษาคดีมา 2 ครั้ง โดยศาลฯ ได้อ่านคำพิพากษา ให้จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชี้เจตนากลั่นแกล้งทรูให้เสียหาย ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้
ด่วน! ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุก ‘พิรงรอง’ 2 ปี ไม่รอลงอาญา
เปิดเหตุผลศาลสั่งจำคุก ‘พิรงรอง’ 2 ปี ถูก ‘บริษัท True’ ฟ้อง ม.157
โดยวันนี้ทางเดลินิวส์ออนไลน์ จะพาทุกคนมาทำความรู้จัก “ดร.พิรงรอง รามสูต” หรือ “อาจารย์ขวัญ” หญิงแกร่งใน กสทช.ผู้เคยคัดค้านการควบรวมค่ายมือถือ
สำหรับ “ดร.พิรงรอง รามสูต” หรือ “อาจารย์ขวัญ” ซึ่งเป็นบุตรสาวของศาสตราจารย์พิเศษนายแพทย์ ธีระ รามสูต อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค และ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.พันธุ์ทิพย์ รามสูต ซึ่งมีพี่น้องรวมทั้งหมด 3 คน ได้แก่ พี่ชายคนโต คือ ศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ราม รามสูต หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์สังคมและสิ่งแวดล้อม และหัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางแอนติบอดี้ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล และ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติปี 2563 ส่วนพี่ชายคนกลาง คือ นายแพทย์พชร รามสูต แพทย์อิสระด้านโรคผิวหนังและเลเซอร์ผิวหนัง

โดย “ดร.พิรงรอง รามสูต” หรือ “อาจารย์ขวัญ” เธอจบการศึกษาจากเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นจึงได้ศึกษาจากอักษรศาสตรบัณฑิต จนได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งเธอทำงานในบทบาทของสื่อมวลชน ด้วยการทำงานครั้งแรกที่หนังสือพิมพ์ The Nation ในปี 2532 และเข้าศึกษาต่อปริญญาโท M.A. (Communication) University of Hawaii at Manoa ประเทศสหรัฐอเมริกา และปริญญาเอกที่ Ph.D. (Communication) Simon Fraser University ประเทศแคนาดา
ต่อมา “ดร.พิรงรอง รามสูต” เป็นอาจารย์ประจําภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2535 ซึ่งเธอได้รับรองอธิการบดีด้านการสื่อสารบริการสังคมและพันธกิจสากล ในตำแหน่งบริหารจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2559-2563 แต่ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย เธอจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการ โดยตรวจสอบเนื้อหารายการโทรทัศน์และสื่อ ของ กสทช. ก่อนที่เธอจะตัดสินใจลาออกจากงานเดิม
อีกทั้ง เธอยังต้องการผลักดันให้สื่อท้องถิ่น และสื่อชุมชนตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ที่สำคัญ เพื่อเป็นกลไกการกำกับดูแลกันเองตามมาตรฐานจริยธรรมของสื่อมวลชน โดยเป็นบทบาทที่สำนักงาน กสทช. คาดหวังให้ส่งเสริม
แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในปี 2566 มีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. ในปี 2566 หลังจากพบว่าบนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชัน True ID มีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งบริษัททรูดิจิทัล กรุ๊ป ในฐานะผู้ให้บริการแอป True ID ได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง ต่อมา คณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และ สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์
อีกทั้ง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการออกอากาศบนแพลตฟอร์ม True ID เป็นการออกอากาศผ่าน OTT นั้นยังไม่มีข้อกฎหมายที่จะต้องขออนุญาตจาก กสทช. และการกระทำของจำเลยที่มีการเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ กสทช. ออกหนังสือเป็นการพูดในทำนองว่า ตลบหลัง และการล้มยักษ์นั้น ทำให้มีหลักฐานชัดเจนว่า จำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย การต่อสู้ของจำเลยเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักมากพอหักล้างพยานโจทก์ได้
อย่างไรก็ตาม ดร.พิรงรอง รามสูต ยืนยันว่า การทำหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แทรกโฆษณาในช่องรายการทีวีดิจิทัลที่นำไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีข้อร้องเรียนเข้ามายังคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคของ กสทช. เป็นการดูแลลิขสิทธิ์ในเนื้อหาของผู้ให้บริการโทรทัศน์ดิจิทัลให้เกิดการแข่งขันเสรี และเป็นธรรมมาโดยตลอด
จนกระทั่ง ในเดือนเมษายน 2567 บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ “ดร.พิรงรอง รามสูต” ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. และประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีนี้ และต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2567 ศาลยกคำร้องดังกล่าวโดยพิจารณาว่าจำเลยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ ขัดขวาง หรือกลั่นแกล้งการประกอบธุรกิจของโจทก์อย่างที่กล่าวอ้าง

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 68 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตลิ่งชัน มีการนัดฟังคำพิพากษา ในคดีระหว่างฝ่ายโจทก์ คือ บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด และจำเลย คือ น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ กรณีถูกฟ้องหลังปฏิบัติหน้าที่ออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทรูไอดี หลังมีการเลื่อนฟังพิพากษาคดี มา 2 ครั้ง โดยศาลฯ ได้อ่านคำพิพากษา ให้จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชี้เจตนากลั่นแกล้งทรูให้เสียหาย ทั้งนี้ หาก “น.ส.พิรงรอง รามสูต” ไม่ได้รับสิทธิให้ประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะต้องสิ้นสภาพการเป็น กสทช. ทันที