ยังคงเป็นที่สนใจบนโลกออนไลน์ต่อเนื่องสำหรับ “อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม” หลังโด่งดังจากการไลฟ์สดสอนธรรมที่ไม่เหมือนใคร ทำให้กลายเป็นดราม่าว่าสอนธรรมไม่ถูกหลักศาสตร์ จนลามไม่ถึงเรื่องการฟ้องร้องตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2568 ทางช่องยูทูบ WE DO ที่มีนักร้องชื่อดังอย่าง “เบิ้ล ปทุมราช” มาเป็นผู้ดำเนินรายการได้เชิญ “อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม” มาพูดถึงเรื่องราวดราม่าที่โดนทัวร์ลงบ่อยมีวิธีรับมือยังไง พร้อมแจงเรื่องบวชไม่มีกำหนดสึกอีกด้วย โดยอาจารย์เบียร์เผยว่า
บวชเดือนไหนนะ
อาจารย์เบียร์ : ประมาณ ตุลาคม-พฤศจิกายน ช่วงประมาณนี้
ก็ไม่มีกำหนดว่าจะสึกหรืออะไรเลย ก็คือจะบวชไปเรื่อย ๆ
อาจารย์เบียร์ : ใช่บวชไปเรื่อย ๆ ถูกต้อง
ตอนนั้นก็จะไม่ไลฟ์ TikTok แล้ว
อาจารย์เบียร์ : ใช่ทุกอย่างต้องยุติหมด
แล้วเพจที่เหลืออยู่ ลูกศิษย์จะต่อเนื่อง
อาจารย์เบียร์ : ไม่ต่อ ก็เอาไว้อย่างงั้นแหละ
อาจารย์ไม่เสียดายถ้าเกิดว่ามันร้างไป
อาจารย์เบียร์ : ก็ช่างมัน อยากเห็นก็อยากเห็นไป มันก็มีของเก่าอยู่ ก็ไปดูของเก่าเอา ไม่ต้องสรรหาของใหม่ก็ได้ มีแค่ไหนก็เอาแค่นั้น
แต่ก็ไปหาที่วัดได้ใช่มั้ย
อาจารย์เบียร์ : ก็ไปไม่ได้หรอก ไปมันก็ไม่เจอ มันเจอยาก ถ้าจะเจอก็คือจะได้แค่เวลาฉันข้าว ที่เหลือเขาก็ไม่ให้มายุ่งเกี่ยว ก็ให้เข้าไปในป่า ให้ไปปฏิบัติภาวนา ตามกิจข้อวัตรของพระอย่างนี้ เป็นพระใหม่มีหน้าที่ในการศึกษาไปปฏิบัติ ไม่ใช่มีหน้าที่ในการออกมานั่ง สั่งสอนชาวบ้านเขาอย่างนี้ มันคนละบริบทไง อย่างบริบทสอนเราที่อยู่ในฐานะฆราวาสเรียบร้อยแล้ว บวชเข้าไปก็จบยุติทุกอย่าง
วัดที่อาจารย์จะไปบวชคือที่ไหน
อาจารย์เบียร์ : วัดป่านาคำน้อย อุดรธานี
ก่อนที่จะไปบวชจะมีโอกาสจัดงานบุญใหญ่ ให้ลูกศิษย์ที่ติดตามใน TikTok ได้มารวมตัวกันไหม
อาจารย์เบียร์ : ก็คิดไว้อยู่ อาจจะมีงานส่งท้าย นั่งฟังธรรมะ ฝึกปฏิบัติธรรม ฟังธรรมะเป็นครั้งสุดท้าย
ตอนนี้อาจารย์อายุเท่าไหร่
อาจารย์เบียร์ : 38
แต่เมื่อก่อนใช้ชีวิตด้วยความประมาทเหมือนกัน
อาจารย์เบียร์ : ใช่ ประมาทมาก อะไรทำให้อาจารย์เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ขนาดนี้ มันเกิดจากความทุกข์ที่ผมมีในชีวิต เดิมทีผมศึกษาหลักธรรมคำสอนอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ปฏิบัติ มันก็เละเทะ รู้ว่าอะไรดีชั่วแต่ทำไม่ได้ ใช้ชีวิตไปตามความสนุก ไม่ได้มองเห็นโทษ แต่พอวันหนึ่งเรามองเห็นโทษ ก็เลยเริ่มต้นศึกษาและปฏิบัติตามหลักคำสอน พอปฏิบัติไป รู้สึกว่ามันมีความสุขขึ้น ชีวิตง่ายขึ้น หลังจากนั้นก็เลยศึกษาและปฏิบัติมาตลอด จนเห็นความดีของตัวเองพัฒนาขึ้น ความสำเร็จในชีวิตการเป็นอยู่ก็พัฒนาขึ้น เลยรู้ว่ามาจากผลที่เราปฏิบัติตามคำสอน

อาจารย์เคยย้ายไปศาสนาคริสต์จริงไหม
อาจารย์เบียร์ : ใช่ ก่อนหน้านี้ผมเป็นพุทธแต่หลัง ๆ ก็ไปเข้าคริสต์ เพราะรู้สึกว่าหลักคำสอนของเขาเป็นเหตุเป็นผลมากกว่า ตอนนั้นผมไม่เคยรู้หลักการและเหตุผลของพระพุทธเจ้าจริง ๆ เห็นแต่พิธีกรรม อาบน้ำมนต์ ต่อชะตา สะเดาะเคราะห์ พอเขาถามเหตุผลก็ตอบไม่ได้ ไปไหว้เทพเทวาแล้วเขาจะดลบันดาลให้เราได้ยังไง ขอเหตุผลก็ไปตอบไม่ได้ พอเขาให้เหตุผลได้ดีกว่า ผมก็เลยรู้สึกว่าศาสนาพุทธ ณ ตอนนั้นสนับสนุนเราไม่ได้ ก็เลยย้ายศาสนาไปอยู่ถึง 7 ปี
วันที่อาจารย์ตัดสินใจไลฟ์ TikTok วันแรก คิดไหมว่าวันหนึ่งจะมีคนสนใจมากขนาดนี้
อาจารย์เบียร์ : ไม่ได้คิดเลย วันแรกที่ไลฟ์สดก็ไลฟ์ไปตามปกติ วันแรกที่ตื่นเต้นที่สุดคือทัวร์ลง คนเข้ามาดูคลิปเยอะมาก วันนั้นมีคนพูดเรื่องเครื่องรางของขลัง ผมก็เลยพูดเรื่องนี้ตามหลักเหตุผล สไตล์แบบดุดันคนดูเยอะมาก คอมเมนต์ทั้งเห็นด้วยไม่เห็นด้วยเต็มไปหมด แล้วทัวร์ก็ลงเรา ผมตกใจมากนึกว่าต้องไปออกรายการโหนกระแสไหม เราไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน เมื่อก่อนยอดวิวแค่ 200-300 แต่คลิปนั้นยอดวิวขึ้นเป็นแสน พอถึงจุดหนึ่งคนดูก็เยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้ คนดูเป็นหมื่น เป็นล้าน ไม่เคยคิดว่ามันจะมาถึงจุดนี้
สมัยก่อนยอดวิว 200-300 อาจารย์กังวลบ้างไหม แล้วปัจจุบันถ้ามีคนดราม่าสัก 5-6 พันคน อาจารย์แก้ปัญหายังไง
อาจารย์เบียร์ : ตอนนี้ชินแล้ว ตอนแรก ๆ ที่เจอเราก็ตกใจ เพราะไม่เคยเจอแต่พอเจอบ่อย ๆ มันก็ชินไปเอง คลิปผมดราม่าทุกคลิป ไม่มีคลิปไหนไม่ดราม่า แล้วก็เริ่มดราม่าน้อยลงเปลี่ยนเป็นตลกแทน ดาราเขาก็เลยเอาไปตัดลงกัน แต่หลัง ๆ มาช่วงนี้ดราม่าเริ่มไม่สนุก มันกลายเป็นดราม่าเพื่อทำลายผม เพื่อทำให้ผมล้ม เป็นดราม่าที่ขุดเอาเรื่องเก่า ๆ มาแฉผมให้ทัวร์ลง มันไม่สนุก เราต้องคอยมาแก้ไข แก้ข่าว แบบนี้
ก่อนที่จะมาถึงวันนี้ อ.เบียร์ เคยทำคนที่เรารักร้องไห้หรือทำผิดพลาดบ้างไหม
อาจารย์เบียร์ : เยอะมาก อาจารย์เคยขโมยทองแม่ 10 บาท เพื่อที่จะเอาไปเที่ยว เรื่องนานมากแล้วเป็น 10 ปี พอเราทำตรงนั้นพอเขารับรู้ ก็ทรุดเลยเพราะเขาเก็บมาตั้ง 10 บาทไม่ใช่ง่าย เราก็ไปเอาของเขามาล้างผลาญจนหมดเลย รู้สึกว่าทำแบบนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของเรา คิดแค่นี้แล้วก็ไม่สนด้วยว่าเขาจะรู้สึกยังไง ไม่คิดว่าเขาจะเสียใจแต่แค่กลัวว่าเขาจะจับได้ตอนไหน จึงทำให้ใจเราไม่บริสุทธิ์ในขณะนั้น ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแทนเขาเลยในฐานะของความเป็นแม่ ในตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกผิด รู้สึกแค่ว่าเราโดนจับได้แล้ว พอเราได้มาศึกษาธรรมะแล้วหวนกลับไปนึกถึงตอนนั้น เรานี่เป็นคนเลวคนชั่วสุด ๆ เพราะเราไม่มีใจที่จะละอายชั่วและเกรงกลัวต่อความบาปนั้นเลย ก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าเวลาใจเราคิดยังไงมันก็จะส่งผลออกมาเป็นแบบนั้น
อาจารย์เคยมีคนรักที่คิดว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันแบบนั้นไหม
อาจารย์เบียร์ : ถ้าเป็นคู่ชีวิตเลย ยังไม่เคยมี ถ้าเป็นแบบใช้ชีวิตร่วมกัน มีอยู่แล้วทุกคนต้องมีมันเป็นเรื่องธรรมดา ผมก็ผ่านช่วงชีวิตของความลำบาก ผิดหวัง อกหัก นอกใจ
ถ้าเราแอบชอบคนที่เขามีแฟนแล้ว เราบาปไหม
อาจารย์เบียร์ : ถ้าแอบชอบ มันเป็นมโนกรรม ถามว่าบาปไหม มันก็เป็นอกุศลในใจ แต่ที่หนักที่สุด คือมันให้ผล ถ้าคิดบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ มันจะลงมือทำจริง ๆ พอชอบใครสักคน แล้วเขาเล่นด้วย มันก็จะลงเอยกัน เกิดการเบียดเบียนกัน ผัวเขาก็จะมาเล่นงานเรา เหมือนกับคนจะข่มขืน มันต้องเกิดจากความชอบก่อน แอบมองทุกวัน จนวันหนึ่งอยากได้มาก ก็ลงมือทำ พระพุทธเจ้าเลยบอกว่า ความคิดหรือมโนกรรมให้ผลหนักที่สุด
เวลาอาจารย์ไปออกรายการ จะมีการปะทะคารมกัน อาจารย์ยับยั้งอารมณ์ยังไง
อาจารย์เบียร์ : จริง ๆ ผมไม่ได้ยับยั้งอะไร เพราะผมไม่ได้โกรธเขา ถ้ามีความโกรธมาก็ทิ้งไป ไม่ต้องไปยับยั้ง ถ้าเรามีสติ รู้ตัวว่ากำลังโกรธ ก็แค่ทิ้งมันไป แต่ที่เราโกรธ เพราะเราไม่รู้ตัวว่ากำลังโกรธ มันเลยโกรธไปเรื่อย ๆ เวลาจะไปออกรายการ เรายิ่งต้องสำรวมระวัง เพราะเขามีอคติกับเรามาอยู่แล้ว เราต้องเป็นฝ่ายสงบ หน้าที่คือเตรียมตัวให้พร้อม ตั้งสติให้มั่น คนฟังจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าใครถูกใครผิด
สมัยนี้มันมีเรื่องของการบูลลี่ อาจารย์คิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้
อาจารย์เบียร์ : ทุกคนโดนบูลลี่หมด แม้แต่ผมนั่งไลฟ์สดทุกวัน ก็ยังมีคนมาบูลลี่ว่าหัวล้าน คำถามคือ เราเป็นแบบนั้นจริง ๆ ไหม ถ้าเป็นจริง ทำไมเราต้องโกรธ หน้าที่เราคือยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ถ้าเรายอมรับตัวเองไม่ได้ ใครจะยอมรับเรา ถ้าเรายอมรับไม่ได้ สุดท้ายมันจะนำไปสู่การทำร้ายตัวเอง เสียใจ โรคซึมเศร้า เราไม่สามารถเปลี่ยนคนอื่นให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้ แต่เราเลือกที่จะยอมรับได้ ถ้าเราไม่อยากตาย ไม่อยากมีความทุกข์ ก็ให้กลับมาดูตัวเอง เราเลือกที่จะฟังทำไมในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์
อยากให้อาจารย์ฝากข้อคิดสำหรับวัยรุ่นในการดำเนินชีวิต
อาจารย์เบียร์ : วัยรุ่นสมัยนี้ขาดหลักในการใช้ชีวิต เอาแต่หลักx ไม่เอาหลักการ ไม่เอาหลักเกณฑ์ เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ใครจะเป็นยังไงช่างมัน ขอแค่ตัวเองสบายใจ สมัยนี้ชอบพูดว่าทำแล้วสบายใจ ไม่เบียดเบียนใครก็ทำไปเถอะ แต่ลืมไปว่านั่นมันคือหลักx ไม่ใช่หลักการ บางทีความสบายใจของเรา มันกำลังเบียดเบียนคนอื่นอยู่ สามีภรรยาเรา พ่อแม่เรา อาจจะไม่สบายใจก็ได้ ดังนั้นความสบายใจของเราต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริง ความจริงคืออะไร คือหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า วัยรุ่นทุกคนควรหันมาศึกษาหลักคำสอน ไม่ยาก ไม่งมงาย ลองฝึกฟังจากอาจารย์ จากพ่อแม่ จากพระไตรปิฎกก็ได้ พอเรามีหลักที่ถูกต้องในการใช้ชีวิต ชีวิตเราก็จะไม่เป๋ไปเป๋มา ผมเคยมีหลักx จนชีวิตพัง เป็นหนี้เป็นสิน ล้มละลาย แต่พอผมกลับมาที่หลักเกณฑ์ทุกวันนี้ก็ปิดหนี้ได้หมด มีความสุขในชีวิต ดังนั้นขอให้ทุกคนกลับมาศึกษาหลักเกณฑ์ และทิ้งหลักxไปซะ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @WE DO