เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้ว ที่ประชาชนชาวจังหวัดเพชรบุรี จากทุก 8 อำเภอ ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อยู่ในขณะนี้ ส่งผลให้มีผู้ป่วยทางเดินหายใจ เกิดอาการระคายเคือง แสบจมูก ไอ จาม และสุ่มเสี่ยงที่จะป่วยถึงขั้นเป็นมะเร็งปอดเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุด เมื่อ(22 ม.ค.68) เวลา 23.00 น. ปริมาณค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ยังคงเกินค่ามาตรฐานอยู่ โดยในพื้นที่(อ.เมืองเพชรบุรี วัดได้ 138.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อ.บ้านแหลม วัดได้ 124.0 อ.บ้านลาด วัดได้ 125.6 อ.เขาย้อย วัดได้ 110.1 อ.หนองหญ้าปล้อง 95.0 อ.ท่ายาง 90.8 อ.ชะอำ 75.7 อ.แก่งกระจาน 87.6) ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 23 ม.ค.68 นายภคพัส ส่งวัฒนายุทธ รอง ผวจ.เพชรบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.กิตติ สำเภาทอง รอง นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี พ.อ.พีรฉัตร พานทอง รอง ผบ.มทบ.15 ร่วมเปิดปฏิบัติการฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อช่วยลดปริมาณของฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่อำเภอเมืองเพชรบุรี
โดยนำรถดับเพลิง 7 คัน ออกตระเวนฉีดพ่นละอองน้ำขึ้นไปในอากาศ ตามถนนสายสำคัญต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี อาทิ ถนนดำเนินเกษม ถนนราชดำเนิน ถนนบริพัตร ถนนมาตยาวงษ์ ถนนดำรงรักษ์ ถนนคีรีรัถยา ฯลฯ เพื่อดักจับฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศ เป็นการช่วยลดปริมาณฝุ่นพิษ PM 2.5 ให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะถึงเวลาช่วงเช้าซึ่งเป็นเวลาที่ประชาชนทั่วไปจะเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน ทำธุระ ตลอดจนเด็ก นักเรียน นักศึกษา ที่จะเดินทางออกไปโรงเรียน ซึ่งมีความเสียงที่จะสูดดมอากาศที่มีค่าปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน และจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
นายภคพัส กล่าวว่า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเพชรบุรี หยุดเผา งดเผาหญ้า เผาขยะ หรือเผาผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ เพื่อลดปริมาณค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ลดปริมาณมลพิษในอากาศ และงดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง “ช่วยๆกันทำให้อากาศกลับมาบริสุทธิ์โดยเร็วที่สุด เพื่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนทุกท่าน” นายภคพัส กล่าว.