เมื่อวันที่ 21 ม.ค. รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีเรื่องร้องเรียนจาก นางเปรมจิต อายุ 80 ปี เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.แห่งหนึ่ง ที่ขยายกิจการโดยซื้อที่เพื่อขยายกิจการติดกับปั๊มน้ำมันเก่า โดยการซื้อที่ และได้ใช้ชื่อของลูกชาย และหลานๆ อีกจำนวน 3 คน ซึ่งเป็นลูกของลูกชายเป็นคนซื้อที่ ก่อนสุดท้าย ปั๊มถูกโยกไปบริหารโดยลูกหลาน ฮุบเอาเงินไปจนย่าไม่มีเงินไปซื้อน้ำมันมาลงที่ปั๊ม ในรายการ
โดยตนเองเป็นผู้จ่ายเงินในการซื้อที่ในราคา 65 ล้านบาท เนื่องจากว่าเจ้าของที่ไม่ยอมขายให้ จึงได้ให้ลูกชายและหลานๆ เป็นคนซื้อที่ เนื่องจากคิดว่าลูกและหลานๆ ก็ไม่น่าจะโกง และเปิดสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่ ซึ่งติดอยู่กับที่เดิมโดยใช้ชื่อว่า บริษัท จันทร์ประสิทธิ์ปิโตรเลียม กม.100 จำกัด
โดยให้หลานๆ เป็นผู้ดูแลควบคุมการเงิน ส่วนตนเองก็อยู่ด้วยช่วยกันดูแล โดยได้กู้เงินจากธนาคารมา 100 ล้านบาท มาขยายกิจการ ซึ่งใช้เวลา 6 ปี จนสามารถส่งเงินที่กู้จากธนาคารมาจนหมด จากนั้นเมื่อตนเห็นว่าหลานๆ ไม่ค่อยใส่ใจในการบริหารปั๊ม เอาแต่เที่ยวเตร่ ขับรถแข่ง เอาเงินที่ขายน้ำมันได้ไปใช้จ่ายจนหมดและคิดที่จะยึดครองปั๊มของตนเอง
โดยจะไม่ยอมให้ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องเงินใดๆ ทั้งสิ้น ตนจึงคิดว่าต่อไปก็คงจะเจ๊งหมดแน่ๆ ซึ่งในระยะ 7-8 ปีที่ผ่านมาเงินหายไปจากระบบหลายสิบล้านบาท โดยการยักยอกเงิน จนน้ำมันไม่มีขาย ของไม่มีขาย เป็นหนี้เขาทั่วไปหมด โดยการไปเก็บเงินในร้านกาแฟอเมซอน และร้านต่างๆ ที่เป็นกิจการของทางปั๊ม
ตนจึงได้ให้ลูกน้องเอาบัญชีมาดู จึงได้รู้ว่าเงินทุนสำรองภายในปั๊มแทบจะไม่เหลือ พร้อมเอาเงินที่มีการสแกนจ่ายคิวอาร์โค้ด ไปใช้จ่ายจนหมด บางครั้งเมื่อตนไปเก็บเงินตามร้านค้าภายในปั๊มมาก็จะให้ รปภ.เข้ามาแย่งถุงเงินไป ตอนนี้ตนได้ฟ้องศาลแล้ว เพื่อที่จะขออำนาจศาลนำปั๊มกลับคืนมา
โดยที่ผ่านๆ มาตนเองไม่มีสิทธิในการบริหารปั๊มแต่อย่างใด เนื่องจากว่าหลานๆ ของตนเองได้จ้าง รปภ.มาคอยติดตามตนโดยตลอด ไม่ว่าตนเองจะเดินไปไหนหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการเงินใดๆ ก็ไม่ได้
โดยอ้างว่าที่จ้าง รปภ.เพื่อเข้ามาคุ้มครองตนและคอยดูแลของของเขาภายในปั๊ม เนื่องจากกลัวว่าตนเองจะไปทุบทำลายของของเขา ซึ่งของทั้งหมดก็เป็นของตนเอง และคอยข่มขู่พนักงานเติมน้ำมัน เมื่อลูกค้าเติมน้ำมันแล้วให้นำเงินมาใส่ในกล่องไว้อย่างเดียว รปภ.จะคอยคุมกล่องเงินไว้ และนำไปส่งให้กับหลานชายตนเอง ตอนนี้อยากจะได้ปั๊มน้ำมันกลับคืนมาบริหารเอง จึงได้ไปฟ้องศาล
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง บริษัท จันทร์ประสิทธิ์ปิโตรเลียม กม.100 จำกัด โดยได้พบกับนางเปรมจิต เพื่อสอบถามความคืบหน้า หลังจากที่มีกระแสเผยแพร่ออกไป
คุณย่าเปรมเล่าว่า หลังจากที่ได้ขึ้นศาลครั้งล่าสุด ทางทนายของหลานชายได้เสนอมาว่า “ถ้าอยากได้คืนให้เอาเงินมา 300 ล้านบาทแล้วเขาจะให้คืน” ซึ่งตนตอบว่าไม่เอา เนื่องจากว่าจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ และอีกอย่างของก็เป็นของของเราแล้วเราจะไปซื้อทำไม โดยตนเองอยากให้หลานนั้นมาเซ็นคืนให้ทั้งหมดก็จบกัน ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว พวกหลานตนเองก็ไม่มีอะไรมาเลย แต่ถ้าทางหลานไม่ยอมคืนให้ก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ซึ่งตอนนี้ได้ฟ้องหลานทั้งหมด 3 คนไว้ทั้งหมด 4 คดีแล้ว เป็นคดีแพ่ง 1 คดี เกี่ยวกับเรื่องเอาที่กับบริษัทคืน ส่วนคดีอาญาอีก 3 คดีก็จะมี วิ่งราวทรัพย์ นำคิวอาร์โค้ดไปขึ้นเงิน และบุกรุก ซึ่งจะต้องขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ตอนนี้คดีอยู่ในระหว่างขั้นตอนสืบพยานโดยส่วนตัวแล้วตนเองมั่นใจเนื่องจากว่ามีเอกสารในการต่อสู้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในอนาคตถ้าตนเองชนะคดี ในพื้นที่ตรงนี้ตนเองคิดว่าจะทำเป็นมูลนิธิ หรืออะไรสักอย่างเพื่อคนที่ไม่มีกิน ไม่มีใช้ก็ให้มาขอความช่วยเหลือก็จะพิจารณาเป็นรายๆ ไป แต่ถ้าพวกหลานพวกนี้จะเข้ามาขอ ตนยืนยันเลยว่าจะไม่ให้ ซึ่งเขาจะได้รู้สึกตัวเองว่าได้ทำอะไรไว้บ้าง
ซึ่งตอนที่ให้ซื้อที่เป็นชื่อลูก และหลานๆ ตนก็ได้บอกไว้แล้วว่า ย่าจะขอดูแลเองจนกว่าย่าจะตาย แล้วมาเป็นแบบนี้ ตนคิดว่ามันก็ไม่ใช่ ซึ่งตนคิดว่าหลานๆ จะไม่ให้ตนเองแล้วด้วย ซึ่งตอนนี้หลานได้เข้ามาคุมการเงิน ให้ รปภ.มาเก็บทุกวัน ซึ่งทุกวันนี้ตนก็จะเก็บเงินได้ก็แค่ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านของฝากและพวกที่มาเช่าอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้พวกร้านที่ตนเองเก็บเงินต่างก็กลัวพวกหลานๆ แต่เมื่อตนเองอธิบายให้ทางร้านค้าเข้าใจก็คลายกังวล และนำเงินมาส่งให้กับตนเองแล้ว
คุณย่าเปรมเผยต่อว่า ในตอนนี้ตามร้านต่างๆ ที่สามารถสแกนคิวอาร์โค้ด จ่ายค่าสินค้านั้น ตนเองได้เปลี่ยนเป็นบัญชีของตนเองแล้ว ซึ่งแต่ก่อนเป็นชื่อของหลานทั้ง 2 และโดนยักยอกทรัพย์ไป
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ขณะที่คุณย่าเปรมได้เดินอยู่ภายในปั๊มน้ำมันก็จะมี รปภ.คอยติดตามดูตลอดและมีการถ่ายคลิปไว้ด้วย จากการสอบถามแม่ค้าที่อยู่ภายในปั๊มน้ำมัน เล่าว่า ภายในปั๊มมีแต่ความวุ่นวายมาโดยตลอดเนื่องจากว่ามีแต่คนคอยจะเล่นงานคุณย่าเปรม โดยเฉพาะพวก รปภ.ก็จะคอยตีคุณย่าเปรม โดยอ้างว่าคุณย่าเปรมไปตบเขา ซึ่งจะคอยเดินเบียดตลอด ทำให้คุณย่าเปรมเกิดอาการโมโห ซึ่งความวุ่นวายเกิดขึ้นมานานหลายเดือนแล้ว
ทางด้าน นายเกรียงศักดิ์ ดีสูงเนิน ทนายความ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์ว่า ตอนนี้ได้แจ้งความดำเนินคดีกับหลานๆ ของคุณย่าเปรมไว้ก็จะมีคดีที่แจ้งความในเรื่องของนายปรเมศวร์ (หนึ่ง) กับแฟนสาว คือได้ร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน คดีที่ 2 แจ้งนายวรรณพนธ์ (นาน) แจ้งความในคดีบุกรุกเคหสถาน ส่วนดำเนินคดีที่ฟ้องต่อศาลสระบุรี คดีแรกฟ้องนายปรเมศวร์ และลูกน้อง ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ โดยจะมีการนัดไต่สวนวันที่ 6 ธันวาคมนี้
คดีที่ 2 ฟ้อง น.ส.สิริกัญญา (นุ้ย) กับแฟนหนุ่ม ข้อหายักยอกทรัพย์ ฟ้องไป 5 กระทงเรียกไป 1.7 ล้านโดยจะนัดไต่สวนวันที่ 16 ธันวาคมนี้ ซึ่งในตอนนี้คุณย่าเปรมฟ้องไปแล้ว 6 คน มีหลาน 3 คน ลูกน้องนายปรเมศวร์ (หนึ่ง) 1 คน และแฟนนายปรเมศวร์ 1 คน และแฟนของน.ส.สิริกัญญาอีก 1 คน ส่วนคดีปั๊มน้ำมันนั้นตอนนี้ฟ้องในเรื่องคืนที่ดินและเรื่องให้โอนบริษัทคืนให้กับคุณย่าเปรม โดยศาลนัดสืบพยานต่อเนื่องวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ถึงวันศุกร์ที่ 22 และต้นเดือนธันวาคม หลังจากนั้นประมาณเดือนหรือ 2 เดือน ศาลน่าจะตัดสิน และตอนช่วงใกล้สืบพยานปัญหามันแรงขึ้นเรื่องๆ คุณย่าเปรมจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้
เนื่องจากว่าเอกสารโอนเปลี่ยนมือไปค่อนข้างเยอะอยู่ ส่วนในเรื่องคดีนั้น ตนเองมองว่าอยู่ที่พยานหลักฐานที่มี แนวโน้มโอกาสที่จะชนะคดีมีอยู่เนื่องจากคุณย่าเปรมมีเส้นทางการเงินที่จะชี้แจง ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นได้มีการไกล่เกลี่ยกันถึง 3 รอบแล้วโดยมีการยื่นเงื่อนไขในการไกล่เกลี่ยแต่ไม่สามารถตกลงกันได้
ขณะที่ นายชูศักดิ์ กาฬสุวรรณ ทนายความของฝั่งหลาน โฟนอินเข้ามาแย้งข้อเท็จจริงอีกมุม ว่าสิ่งที่คุณย่ามาออกรายการ พูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเลย ที่ดินที่ว่าเป็นของลูกหลาน ที่เขาทำมาหาได้ ทำธุรกิจมา ได้เงินมาจากที่คุณย่าให้ลูกให้หลาน ก็เอาเงินไปซื้อที่มาทำ ไม่ใช่ว่าคุณย่าจะเอาเงินตัวเองไปซื้อแต่เจ้าของที่เขาไม่ยอมขาย มันไม่จริง
แล้วคดีความอะไรต่างๆ จะขึ้นศาลในสัปดาห์หน้านี้แล้ว ที่เขามาออกรายการวันนี้ ตนก็มองว่าไม่เหมาะสม แต่เข้าใจว่าอยากให้มีคนช่วยสนับสนุน ช่วยผลักดัน แต่บรรดาหลานๆ ที่เป็นลูกความของตน เขามีสิทธิทุกอย่าง เพราะเงินที่เอาไปซื้อที่ดินต่างๆ เขาก็ทำมาหาได้ของเขา ไม่ใช่ว่ายายเป็นคนให้มาอย่างที่อ้าง แล้วที่อ้างว่าเป็นเจ้าของปั๊ม ก็ต้องถามว่า เจ้าของปั๊มแบบไหนที่ไปอาละวาดทุบข้าวของในปั๊มจนพังเสียหายหมด ตัดน้ำ ตัดอะไรจนคนในปั๊มเขาเดือดร้อนกันหมด
เรื่องทั้งหมดไปคุยกันในชั้นศาลดีกว่า อย่ามาคุยกันตรงนี้ เพราะเรื่องทั้งหมดกำลังจะขึ้นศาลในสัปดาห์หน้าอยู่แล้ว
ขณะที่ทนายเกรียงศักดิ์ ทนายของคุณย่าเปรม โฟนอินเข้ามาพูดข้อเท็จจริงอีกด้าน และได้ยืนยันถึงที่มาของการซื้อที่ดิน ตามที่คู่กรณีกล่าวอ้าง ทนายได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ ไว้อย่างละเอียดว่า เจ้าของที่ดินไม่ประสงค์จะขายให้คุณย่าเปรม เนื่องจากมีปัญหาที่ดินกัน จึงต้องมีตัวการตัวแทน ในที่นี้ก็คือลูกชายและหลาน เป็นผู้ดำเนินการแทน ซึ่งทางเราจะสู้ในเรื่องนี้
ส่วนกรณีการดำเนินการปั๊มน้ำมัน เป็นเรื่องพิพาทฟ้องร้องกับทางร้านสะดวกซื้อ จนมีการต้องตั้งปั๊มใหม่ และมีข้อตกลงกันว่า ต้องตั้งนิติบุคคลชื่อใหม่ ไม่ให้ใช้ชื่อเดิม และไม่ให้ป้าเปรมเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในนิติบุคคลใหม่ มีคำพิพากษาเป็นหลักฐาน เพื่อมาประกอบเป็นเหตุผลว่าทำไมป้าจึงต้องให้ลูกและหลานเป็นตัวการตัวแทนในการดำเนินการ
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ทนายแก้ว ถึงกับชื่นชมว่า ทนายเกรียงศักดิ์ ละเอียดรอบคอบ และชัดเจนดีมาก เรื่องนี้คงไปพูดอะไรเยอะมากไม่ได้ เพราะกำลังจะเข้าสู่กระบวนการศาล