มิเกล อาร์เตต้า พาอาร์เซน่อล แพ้ดวลจุดโทษให้ แมนฯ ยู ตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ มีการปรับทีมจากเกมนั้น 4 จุด เดแคลน ไรซ์ และ โธมัส ปาร์เตย์ กลับมายืนแดนกลาง ไค ฮาร์แวร์ตซ์ ลงตัวจริงแทน กาเบรียล เชซุส ที่เจ็บพักยาว และ ราฮีม สเตอร์ลิง แทน กาเบรียล มาร์ตินเนลลี่
แอนจ์ ปอสเตโคกลู กุนซือสเปอร์ส เกมล่าสุดลงเล่นเอฟเอ คัพ รอบ 3 ชนะ แทมเวิร์ธ ทีมนอกลีก 3-0 ช่วงต่อเวลาพิเศษ ปรับทีม 5 จุด เจด สเปนซ์, ลูคัส เบิร์กวาลล์, เดยัน คูลูเซฟสกี้, โดมินิก โซลันกี้ และ ซน ฮึง- มิน ถูกเรียกกลับมาเป็นตัวจริง
ลิซ่า Lisa โยนเหรียญก่อนเกมพรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อล พบ สเปอร์ส
อาร์เน่อ รับเสียดายลิเวอร์พูลเก็บชัยไม่ได้ ยกเกมรับ ฟอเรสต์ สุดแกร่ง
AFP/GLYN KIRK
อีฟส์ บิสซูม่า ในจังหวะบังบอล เดแคลร์ ไรซ์
ก่อนเกมเริ่ม “ลิซ่า” (LISA) ลลิษา มโนบาล ซูเปอร์สตาร์สาวชาวไทย กับการได้รับเกียรติโยนเหรียญเลือกฝั่ง ซึ่งถือเป็นการร่วมโปรโมตกับแบรนด์เครื่องดื่มชื่อดังเกาหลีใต้ที่สนับสนุนพรีเมียร์ลีก
เกมช่วง 10 นาทีแรก เป็นอาร์เซน่อล ที่บุกใส่ สเปอร์ส และได้ลูกเตะมุมต่อเนื่อง
นาทีที่ 17 ไค ฮาแวร์ตซ์ วิ่งตามมาบล็อกจังหวะที่ อันโตนิน คินสกี้ จะเปิดดีเจ้าตัวยังตามมาตะครุบ
นาทีที่ 22 สเปอร์ส พลาดโอกาสทองในการขึ้นนำเมื่อ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ได้ยิงเสาแรก แต่ ดาบิด รายา เซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 25 จากจังหวะเตะมุม แนวรับอาร์เซน่อล โหม่งไม่ดีมาเข้าทาง ซน ฮึง- มิน ยิงไปแฉลบ วิลเลี่ยม ซาลิบา ลอดขา โธมัส ปาร์เตย์ เข้าประตูให้ สเปอร์ส ขึ้นนำก่อน 1-0 และเป็นประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีกของดาวเตะทีมชาติเกาหลีใต้ ฤดูกาลนี้
หลังตกเป็นฝ่ายตามหลัง อาร์เซน่อล มาเร่งเกมอีกครั้ง ผ่าน 35 นาทีก็ยังเจาะแนวรับ สเปอร์ส และ อันโตนิน คินสกี้ ที่ออกมาดักตัดจังหวะและเซฟในหลายครั้ง
นาทีที่ 40 อาร์เซน่อล มาตีเสมอ 1-1 จากจังหวะเตะมุม เดแคลน ไรซ์ เปิดมา กาเบรียล มากัลเญส ที่เอาชนะราดู ดรากูซินโหม่งที่เสาสองเข้าไปแต่สกอร์แจ้งเป็น โดมินิก โซลันกี้ ทำเข้าประตูตัวเอง
นาทีที่ 44 อาร์เซน่อล มาแซงนำ 2-1 จากจังหวะตัดเกมกลางสนาม มาร์ติน โอเดอการ์ด จ่ายให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่กดด้วยซ้าย ชนิดที่ อันโตนิน คินสกี้ ปัดไม่ออก และก็จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
กลับมาครึ่งหลัง สเปอร์ส เปลี่ยนทีเดียว 2 คน โดยส่ง เบรแนน จอห์นสัน และ เจมส์ แมดดิสัน ลงมาแทน อีฟส์ บิสซูม่า กับ ป๊าปป์ ซาร์ ที่ถูกถอดออก
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง แม้เกมรุกของ สเปอร์ส จะดีขึ้น แต่ก็ยังเรียกประตูตีเสมอกลับสู่เกมไม่ได้ โดยมีโอกาสยิง 3 ครั้ง
นาทีที่ 73 ในจังหวะสวนกลับ เดแคลน ไรซ์ ได้กดด้วยขวาแต่ยังไปตรงตัว อันโตนิน คินสกี้ เซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 84 อาร์เซน่อล ยังไม่ได้ประตูที่ 3 เมื่อ มาร์ติน โอเดอการ์ด ได้ยิงด้วยซ้ายในกรอบแต่หลุดกรอบอย่างเหลือเชื่อ
ช่วงทดเจ็บนาที 90+4 สเปอร์ส เกือบได้ประตูตีเสมอ แต่ เปโดร ปอร์โร ยิงไปชนเสา
จบเกมอาร์เซน่อล ชนะ สเปอร์ส 2-1 ผ่าน 21 นัด อาร์เซน่อล แซงกลับมาอยู่อันดับ 2 เหมือนเดิมมีเพิ่มเป็น 43 แต้ม ตามหลัง ลิเวอร์พูล 4 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 1 นัด ส่วน สเปอร์ส ไม่ชนะเกมลีก 5 นัดติดมี 24 แต้มเท่าเดิม อยู่อันดับ 13
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล (4-3-3) : ดาบิด รายา – เยอร์เรียน ทิมเบอร์, วิลเลี่ยม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส, ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ – มาร์ติน โอเดอการ์ด, โธมัส ปาร์เตย์, เดแคลน ไรซ์ – ราฮีม สเตอร์ลิง, ไค ฮาแวร์ตซ์, เลอันโดร ทรอสซาร์
สเปอร์ส (4-3-3) : อันโตนิน คินสกี้ – เปโดร ปอร์โร, อาร์ชี เกรย์, ราดู ดรากูซิน, เจด สเปนซ์ – อีฟส์ บิสซูม่า, ป๊าปป์ ซาร์, ลูคัส เบิร์กวาลล์ – เดยัน คูลูเซฟสกี้, โดมินิก โซลันกี้, ซน ฮึง- มิน
