เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ดร.ฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร และ นายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษา ปธ.กมธ.ป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการติดตามตรวจสอบปัญหาการก่อสร้างโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ และ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี-ลำน้ำพาน-ลำน้ำปาว จำนวน 8 โครงการ งบประมาณ 545 ล้านบาท ของ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ที่ได้สร้างปัญหาให้กับชาวกาฬสินธุ์และกระทบต่องบประมาณแผ่นดิน เนื่องจากผู้รับจ้างที่กรมโยธาฯ ว่าจ้างมา ไม่สามารถก่อสร้างให้เสร็จแม้แต่โครงการเดียว จนถูกชาวกาฬสินธุ์ ว่าเป็น การก่อสร้างโครงการ 7 ชั่วโคตร เบื้องต้นพบว่าโครงการทั้งหมดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2562 เป็นกลุ่มผู้รับจ้าง 2 หจก. ประกอบด้วย หจก.ประชาพัฒน์ และ หจก.เฮงนำกิจ มีพฤติกรรมทิ้งงานก่อสร้าง และถูกกรมโยธาฯ ประกาศยกเลิกสัญญาไปในช่วงเดือน พ.ค. 67 ที่ผ่านมา แต่พบว่าการติดตามตรวจสอบโครงการรวมถึงการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและกลุ่มผู้รับจ้าง ประกอบกับการเร่งรัดเพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้รับจ้างและจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่ยังไม่เกิดขึ้นอย่างชัดแจ้ง
ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า ปัญหานี้ กมธ.ป.ป.ช. จะดำเนินการตรวจสอบให้ถึงที่สุด โดยในวันที่ 16 ม.ค. นี้ ที่ห้องประชุม กมธ.ป.ป.ช. ได้เชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดมาชี้แจงอีกครั้ง ที่จะประกอบไปด้วยผู้ร้องเป็นตัวแทนประชาชน (นายกเทศบาลตำบลเจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์) ผู้ควบคุมงานโครงการทั้ง 8 โครงการ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เขตตรวจราชการที่ 12 เพื่อรับทราบปัญหาและแนวทางในการปฏิบัติต่อการตรวจสอบติดตามเพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ติดตามปัญหานี้ได้รับทราบว่า กมธ.ป.ป.ช. จะเดินหน้าตรวจสอบให้อย่างเต็มที่ และเมื่อผลออกมาชัดเจนก็จะนำปัญหานี้สรุปส่งสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึงองค์กรอิสระพิทักษ์แผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช.-สตง.-ป.ป.ท. ต่อไป
“การนำปัญหานี้มาพิจารณาในคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ถือเป็นครั้งที่สอง ซึ่งก่อนหน้าได้นำปัญหานี้มาพิจารณาไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2567 ที่ห้องประชุม กมธ.ป.ป.ช. แต่ยังไม่มีความชัดเจนต่อกระบวนการตรวจสอบของกรมโยธาฯ รวมถึง กรมบัญชีกลาง และองค์กรอิสระ ป.ป.ช.-สตง. ที่เป็นข้อสงสัยว่าทำไมถึงล่าช้า ไม่เหมือนกับการตรวจสอบผู้รับจ้างทิ้งงานรายอื่นๆ การติดตามสอบถามในการประชุมในวันที่ 16 ม.ค. จะเป็นการสอบถามปัญหาในพื้นที่เพื่อความกระจ่างทั้งหมด ขอให้พี่น้องประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ ติดตาม กมธ.ป.ป.ช. ยืนยันว่าเงินภาษีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ และจะทำหน้าที่เพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป” ดร.ฉลาด กล่าวในที่สุด
นายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษา ประธาน กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า ข้อสังเกตส่วนตัวมองว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาการตรวจสอบธรรมดา เนื่องจากความต้องการของชาวบ้านและประชาชนผู้เสียภาษีต้องการให้ กรมโยธาฯ ดำเนินการก่อสร้าง ตามโครงการที่วางเอาไว้ การเรียกร้องแทนที่จะได้รับการแก้ไขเป็นคุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน แต่กลับมีข่าวว่า ผู้ร้องเรียนไม่ว่าจะเป็นประชาชน พระ ผู้บริหารท้องถิ่นในแต่ละจุดโครงการกลับได้รับผลกระทบ ผู้ร้องเรียนยังถูกข่มขู่ไปต่างๆ นานา ทั้งที่การเรียกร้องความเป็นธรรมเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ก็เพื่อเป็นการปกป้องเงินภาษีประชาชน ทำให้วันนี้ชาวกาฬสินธุ์ผู้ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากโครงการ 7 ชั่วโคตรอยู่กันลำบาก สังคมไม่ปกติสุขเหมือนเดิม จึงขอให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองลงพื้นที่มาช่วยกันแก้ไขปัญหาในพื้นที่ไปพร้อมๆ กันด้วย กรณีเช่นนี้น่าจะเกิดขึ้นอีกมากมายในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งปรากฏตามคำร้องของประชาชนส่งมาถึง กมธ.ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตรวจสอบอีกหลายจังหวัด
ด้านแหล่งข่าวระดับสูง ระบุว่า การติดตามตรวจสอบของ ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. ถือได้ว่าเดินมาตามหลักกฎหมายด้วยอำนาจหน้าที่ของ กมธ. และถือว่ายังให้โอกาสต่อกรมโยธาธิการและผังเมืองในการนำเอกสารชี้แจง โดยเฉพาะการที่ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รอง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. ได้เรียกเอกสารทั้งหมดตามข้อสงสัย 8 ข้อ ที่กำหนดในการประชุมครั้งแรกให้ กรมโยธาฯ ส่งเอกสารในวันที่ 24 ม.ค. นี้ ทั้งนี้รายละเอียดของเอกสารดังกล่าวประกอบด้วย 1.เอกสารการเริ่มต้นสัญญาทั้งหมด 2.เอกสารการขยายเวลาในการก่อสร้างแต่ละโครงการว่าขยายเวลากี่ครั้งในแต่ละครั้งด้วยเหตุผลอะไร 3.เอกสารเหตุผลในการยกเลิกสัญญา 4.เอกสารการประเมินค่าความเสียหายระหว่างการทำงานและการทิ้งงาน 5.เอกสารเกี่ยวกับการเรียกค่าความเสียหายจากผู้รับจ้าง 6.เอกสารรายละเอียดการเบิกจ่าย 15% ในแต่ละโครงการ ทำอย่างไร มีการคืนเงินในช่วงที่เบิกจ่ายหรือไม่ 7.เอกสารบันทึกประจำวันของกรรมการผู้ควบคุมงานและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ต่อการทำงานทั้งหมด 8.เอกสารหรือผลการที่กรมโยธาฯ ได้ดำเนินการทางปกครองอย่างไรกับ 2 หจก.ที่ทิ้งงานไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเอกสารทางปกครองหรือการฟ้องแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายคืนให้กับแผ่นดิน
“การตรวจสอบที่มีทิศทางจะทำให้เข้าใจปัญหาการทิ้งงาน แต่สิ่งที่ยังทำให้ชาวกาฬสินธุ์สงสัยก็คือประเด็นการปล่อยปละละเลยในการเยียวยาประชาชนของผู้บริหารจังหวัดที่นิ่งเฉยต่อความเดือดร้อนจากเศษกองขยะ บ่อน้ำสกปรก เสาเข็ม เหล็กแหลม ที่เปิดทิ้งไว้ตามท้องถนนในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ รวมถึงเสาเข็ม เหล็กแหลมที่ทิ่มแทงใจประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้บริเวณการก่อสร้าง รวมถึงผู้รับจ้างในพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างจาก ”ผู้รับจ้าง“ ทั้ง 2 หจก.นี้ ประกอบกับความชัดเจนในการประกาศเวียนห้างตามระเบียบพัสดุของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เนื่องจากยังพบว่า 2 หจก.นี้ ยังไปใช้ช่องว่างทางกฎหมายระเบียบพัสดุ ไปประมูลงานได้อีกในหลายพื้นที่ ดังนั้นหากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ประกาศเวียนห้างได้ก่อนสิ้นเดือนมกราคมนี้ ประเด็นที่น่าจับตาคือ การที่ หจก. ถูกประกาศเป็นผู้ทิ้งงานแต่เมื่อไปประมูลงานได้อีก แต่ได้ถูกประกาศเวียนห้างโดยกรมบัญชีกลางในภายหลัง จะต้องถูกยกเลิกงานที่ผ่านการประมูลมาทั้งหมดด้วยหรือไม่”
แหล่งข่าวคนเดียวกันระบุด้วยว่า การประชุมติดตามปัญหา 7 ชั่วโคตร โดย กมธ.ป.ป.ช. ในวันที่ 16 ม.ค. นี้ คาดว่าปัญหาทั้งหมดจะยังไม่สรุปชัดเจน เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบยังไม่ครบถ้วน ดังนั้นองค์กรอิสระที่พิทักษ์เงินแผ่นดิน โดยเฉพาะ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ควรที่จะมีคำตอบในเรื่องนี้เพราะเกี่ยวเนื่องกับอำนาจหน้าที่โดยตรง ในส่วนของ ป.ป.ช.-ป.ป.ท. ก็ควรที่จะสร้างความชัดเจนต่อกระบวนการตรวจสอบ เมื่อพบความผิดปกติก็ควรที่จะเข้าทำการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ด้วยเช่นกัน อีกประเด็นที่ทำให้ผู้ร้องเรียนเป็นประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอึดอัดใจก็เพราะมีความพยายามในการปกปิดปัญหาที่ไม่ต้องการให้ผู้ร้องออกมาเคลื่อนไหวค้นหาความจริง ปัญหานี้ยังทำให้คนกาฬสินธุ์อยู่กันลำบาก แต่ก็ยังดีที่มี สส.พรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 1, นายพลากร พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 2 และ นายทินพล ศรีธเรศ สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 รวมไปถึง นายประเสริฐ บุญเรือง สส.กาฬสินธุ์ เขต 6 คอยประคับประคองจิตใจชาวบ้านและยังช่วยดูแลและติดตาม ทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้รู้ข้อเท็จจริง ทั้งนี้พื้นที่การก่อสร้างได้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองกาฬสินธุ์ อ.กมลาไสย และ อ.ฆ้องชัย ที่เชื่อว่าในอนาคตปัญหาทั้งหมดจะกระจ่างชัดและได้รับการคลี่คลายได้ทั้งหมด.