เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้โพสต์ข้อมูลลงในเพจเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ถึงเชื้อโรค “โนโรไวรัส” ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ว่า “โนโรไวรัส ไม่ใช่โรคใหม่อะไร มีระบาดทั้งในไทย และในจีน ทุกปี (ไม่ต้องปั่นข่าวให้แตกตื่นกันครับ)”

นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมว่า (เพจ อ้ายจง ให้ข้อมูลไว้) ประเด็น Norovirus ที่จีน เลยอยากขอให้ข้อมูลตามนี้

1. Norovirus ถือเป็นโรคที่ระบาดในจีนทุกปี ในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว: พฤศจิกายน-มีนาคม

2. โดยมีงานวิจัยที่เก็บข้อมูลการระบาดของ Norovirus ในจีน ช่วงปี 2016-2018 (ก่อนโควิด-19 ระบาด) ระบุว่า พบการระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็ก-โรงเรียนและสถานศึกษาเป็นหลัก เกือบ 80% และโดยส่วนใหญ่เป็นการติดต่อระหว่างบุคคลสู่บุคคล

3. ข่าวปิดห้องเรียน-ปิดโรงเรียน-สถานศึกษา เป็นการชั่วคราว เพราะมีการระบาดของโรคนี้ ก็เป็นข่าวที่พบได้ในจีนในทุกปีที่มีการระบาด “ไม่ใช่เพิ่งมีในปีนี้ 2024” (อ้างอิงจากข่าวของโกลบอลไทม์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นสื่อกระบอกเสียงของทางการจีน ก็มีรายงานเรื่อยๆ อย่างช่วง 2020 ปีที่ระบาดโควิด ในช่วงปลายปีนั้น ก็มีข่าวโรงเรียนในหลายพื้นที่ของจีน เช่น ฝูเจี้ยน โดยเฉพาะโรงเรียนอนุบาล หยุดเรียนชั่วคราว เพราะมีเด็กติดเชื้อหลายสิบคน บางโรงเรียนเป็น 50 คนเลย)

4. ย้อนกลับไปในช่วง 2019 ก่อนที่จะมีการระบาดโควิด มีข่าวออกมาจากจีน ที่เผยแพร่ในสื่อหลักต่างๆ ของจีน เกี่ยวกับ จีนได้อนุมัติการทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนป้องกันโนโรไวรัส โดยในตอนนั้นระบุว่า “คาดว่าการทดลองทางคลินิกจะทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิผลเป็นเวลา 5 ปี ก่อนที่จะสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนยาได้”

5. ไม่ใช่แค่ในกลุ่มเด็ก แต่กลุ่มผู้ใหญ่ คนโต ก็ติดเชื้อโนโรไวรัส ที่ส่งผลให้มีอาการ อาเจียน, ท้องเสีย, ไข้, ปวดท้อง, อ่อนเพลีย เช่นกัน อย่างข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมปีนี้ 2024 ระบุว่า ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยชิงฮว๋า หลายคน มีอาการดังกล่าว หลังเข้าร่วมงานเลี้ยงครบรอบมหาวิทยาลัย ในช่วงปลายเดือนเมษายน และทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกรุงปักกิ่ง ตรวจสอบแล้ว พบว่า มีเชื้อโนโรไวรัส ปนเปื้อนในอาหารและสภาพแวดล้อมของร้านอาหาร

6. ของไทยเรา เท่าที่เช็คข้อมูล มีการระบาดทุกปีเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียน กลุ่มเด็กเล็ก ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพด้วยนะครับ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกหลาน เพราะอย่างที่กล่าวไป มีการระบาดอย่างมากในโรงเรียน สถานศึกษาครับ

ขอบคุณข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก “Jessada Denduangboripant”, “อ้ายจง”