เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 67 ที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายธวัชชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาว จ.นนทบุรี เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เทวกฤต มณีรัตน์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.บางใหญ่ หลังถูก น.ส.เอ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี หลอกขายรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียนหมวดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถมือสองราคา 550,000 บาท โดยทำสัญญาซื้อขายกันเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่บริเวณหน้าโชว์รูมรถแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ หลังจากนำรถมาใช้งานได้เพียง 5 วัน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงโขลงหลง จ.บึงกาฬ ยึดรถมาตรวจสอบ เนื่องจากบริษัทรถเช่าแห่งหนึ่ง ได้แจ้งความรถหายไว้ที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ และได้ทำการตัดสัญญาณGPS ทำให้รถไม่สามารถใช้งานได้
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบรถคันดังกล่าวยังเป็นรถป้ายแดง ซึ่ง น.ส.เอ ได้เช่ามาจากบริษัทแห่งหนึ่งตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา แล้วนำมาขายให้กับนายธวัชชัยวันที่ 30 พ.ย. และได้นำแผ่นป้ายทะเบียนสีขาวไม่ปรากฏผู้ครอบครองมาสวมแทน นอกจากนี้ยังพบว่าเอกสารในการซื้อขายทั้งหมด ยังถูกปลอมแปลงขึ้นมาอีกด้วย
นายธวัชชัย ผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้มีนายหน้าชื่อนายบี (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) ส่งรูปรถคันดังกล่าวมาให้ดู โดยแจ้งว่าเป็นรถที่เอาไว้โชว์ในโชว์รูม และได้ตกลงซื้อขายกันในราคา 550,000 บาท หลังจากจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย จึงถ่ายรูปส่งมอบรถและกุญแจกันที่บริเวณหน้าโชว์รูม หลังจากนั้น 5 วันก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ โดยตำรวจแจ้งว่ารถคันนี้เป็นรถเช่า ซึ่งตนตกใจมากเพราะตอนทำสัญญาซื้อขาย ก็ทำที่โชว์รูม และก็ขับรถออกมาจากโชว์รูม สิ่งที่ทำให้มั่นใจและตัดสินใจซื้อเพราะมีการรับมอบรถกันที่โชว์รูม มีใบเสร็จ ใบซื้อขายครบทุกอย่าง อีกทั้งคนที่นำรถมาขายอ้างว่าทำงานเป็นพยาบาล แถมยังแต่งชุดพยาบาลมาอีกด้วย จึงทำให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีก
สำหรับเรื่องนี้คิดว่า น.ส.เอ ไม่ได้ทำเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน ต้องทำกันเป็นทีม มีคนรู้เห็นเกิน 2 คนขึ้นไป ถ้าหากทำคนเดียวเขาคงไม่สามารถนำรถขึ้นไปที่โชว์รูมได้ อีกทั้งยังมีคนอ้างว่าเป็นเซลล์มารับเงินดาวน์พร้อมกับออกใบเสร็จให้อีกด้วย ซึ่งตอนที่รับรถ น.ส.เอ ได้ให้กุญแจมาทั้งหมด 2 ดอก พอเอารถมาขับใช้งาน ปรากฏว่ามีคนมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ พร้อมกับนำกุญแจมาด้วยอีก 1 ดอก หลังจากนี้ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์ความจริงว่าใครเป็นฝ่ายถูก ใครเป็นฝ่ายผิด สุดท้ายขอฝากเตือนไปถึงคนที่คิดจะซื้อขายรถ ตอนนี้มิจฉาชีพเยอะ ควรจะตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด และต้องดูด้วยว่าเขาเป็นเซลล์จริงหรือไม่
พ.ต.ท.เทวกฤต กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้เสียหายเบื้องต้น สรุปได้ว่าตอนนี้มีอยู่ 4 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มผู้ให้เช่ารถ ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าของรถที่แท้จริง กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มผู้เสียหายคือนายธวัชชัย ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ในเขต สภ.บางใหญ่ ส่วนที่ 3 คือ เขตรับผิดชอบ สภ.บึงโขลงหลง จ.บึงกาฬ ซึ่งได้ทำการตรวจยึดรถไว้ ขณะนี้ทาง สภ.บึงโขลงหลง ได้นำรถส่งไปให้ พฐ.จ.ขอนแก่น ตรวจพิสูจน์รถว่ามีการต่อเติมดัดแปลงแก้ไขเลขตัวรถหรือไม่ ส่วนที่ 4 คือโชว์รูมรถแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เขตรับผิดชอบของ สภ.แม่โจ้
จากการสอบปากคำผู้เสียหาย ให้การว่าได้มีการส่งมอบรถกันที่โชว์รูมรถ ซึ่งความผิดฐานฉ้อโกงที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ต้องหากับนายธวัชชัย เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ สภ.แม่โจ้ พนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ ก็ทำการจะสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จากนั้นจะส่งสำนวนการสอบสวนไปที่ สภ.แม่โจ้ ซึ่งเป็นเขตอำนาจรับผิดชอบ
ในส่วนของผู้ให้เช่าได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในฐานความผิดยักยอกทรัพย์ ในส่วนของนายธวัชชัย ผู้เสียหาย ที่เข้าแจ้งความกับสภ.บางใหญ่ เป็นความผิดเกี่ยวกับเรื่องฉ้อโกง เพราะเอกสารการซื้อรถต่างๆ อาจจะไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ต้องให้พนักงานสอบสวนทั้ง สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ และ สภ.แม่โจ้ ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป ถ้าตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นพยาบาลจริง แล้วแสดงตัวว่าประกอบอาชีพเป็นพยาบาล ถือว่าไม่บริสุทธิ์ใจ จะเข้าข่ายฉ้อโกง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบเคยก่อเหตุมาแล้วหลายคดี ตั้งแต่ปี 50 ที่ สภ.วังน้อย, ปี 55 สน.คันนายาว และปี 67 มีหมายจับที่ สน.ร่มเกล้า คดีลักทรัพย์ อยากให้ผู้ที่จะซื้อรถตรวจสอบเอกสารรถยนต์ เอกสารไฟแนนซ์ต่างๆ ให้ครบถ้วน ให้ถูกต้องก่อนที่จะโอนเงิน ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีก.