ความคืบหน้าเดลินิวส์เกาะติดปัญหา กลุ่มทุนใหญ่ บุกรุกป่าสงวนฯ หลายจุดใน 3 อำเภอ ใน จ.จันทบุรี มีทั้งขุดภูเขา และไถผืนป่าแบบไม่ยำเกรงกฎหมาย เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 27 ก.พ. พ.ต.อ.ธราเทพ ตูพานิช รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ว่า การดำเนินการในห้วงที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่พื้นที่ อ.มะขาม มี 2 คดี เขาพลับ-เขาบ่อทอง และในพื้นที่ อ.แก่งหางแมว เดิมมี 2 คดี รุกพื้นที่ 105 ไร่ ได้ผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว และคดี 1,848ไร่ อยู่ระหว่างติดตาม สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดตำรวจพอจะรู้ตัวเกือบหมดอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เชื่อมโยงกันอยู่ คาดว่าจะมีความคืบหน้าเร็วๆ นี้ อีกคดีนำกำลังชุดสืบสวน ภ.จว.จันทบุรี ลงพื้นที่จับกุมได้ของกลางทั้งรถแบ๊กโฮ รถบรรทุก และรถไถขณะเตรียมดินปลูกทุเรียนแปลงใหญ่ เขตความรับผิดชอบพื้นที่ สภ.ตกพรม อ.ขลุง ซึ่งก็มีคดีที่ดีเอสไอ เข้ามาตรวจสอบยึดพื้นที่ ตามที่ได้มีการร้องเรียนการบุกรุกป่าไม้บริเวณเขาขาด หมู่ที่ 4 ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จำนวน 2 แปลง ซึ่งอยู่ติดกัน ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นพื้นที่ คทช. หรืออยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าตกพรม คาดว่าก็จะมีความคืบหน้าเช่นกัน
ส่วนอีกคดีคือบนเกาะ 100 ไร่หรือเกาะทุเรียนในอ่างเก็บน้ำคีรีธาร อ.ขลุง ล่าสุดกรมพัฒนาพลังงาน ได้มาแจ้งความดำเนินคดีแล้วเราก็ได้สอบปากคำ ผู้ที่อ้างสิทธิ์ครอบครอง24 ราย คดีนี้ห้เวลา 1 เดือน ถึงจะร้องทุกข์อย่างเป็นทางการ ถ้าภายในหนึ่งเดือนนี้ ถ้าผู้อ้างผิดครอบครองยอมรื้อถอนออกไป ก็จะถือว่าไม่มีเจตนา ตำรวจได้ร่วมกันประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว รับทราบนโยบาย ก็จะได้ดำเนินการไปตามนโยบายของรัฐบาล ถ้าภายในเดือนนี้ขนย้ายออกกันหมดคดีนี้ก็น่าจะจบ อีกส่วนคดีหนึ่งคดีที่เกาะแพะไม่มีผู้มาแสดงตน เป็นผู้ครอบครองต้องสืบสวนต่อไปใครเป็นผู้กระทำความผิด


สำหรับคดีล่าสุดวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ผนึกกำลังตำรวจ ปทส. เปิดปฏิบัติการพิทักษ์ป่าตะวันออกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ขยายผลเข้าตรวจยึดพื้นที่บนเขาขาด จำนวน 111 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าตกพรม ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง พบมีการใช้เครื่องจักรกลหนักปรับพื้นที่ปลูกทุเรียน และตัดไม้ขนาดใหญ่ความโต 2.9 เมตร ขณะที่อีกจุดเข้าดำเนินการตรวจยึดสวนยางพารา จับกุมผู้ต้องหา 7 คนเป็นชาวกัมพูชา 5 ราย คนไทย 2 ราย พร้อมของกลาง เลื่อยโซ่ยนต์ รถแบ๊กโฮ ส่งแจ้งความดำเนินคดี สภ.ตกพรม



“อยากให้ทำอะไรที่ถูกต้องจะดีกว่า โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณแก่งหางแมว,ป่าตกพรม อ.ขลุง และในอ.มะขามอะไรก็ตามอาจจะครอบครองมานานแต่อาจอยู่ในเขตทับซ้อนป่ารัฐบาลยังไม่มีการดำเนินการให้เป็นที่ถูกต้องเรียบร้อยก็เป็นปัญหาถ้าเจ้าหน้าที่ไปจับกุมมันก็ผิดอยู่ดีเพราะฉะนั้นก่อนจะทำอะไรลงไปควรปรึกษาเจ้าหน้าที่ก่อนไปขออนุญาตยื่นเรื่องยื่นอะไรไว้ว่าเราเคยปลูกต้นยางมานานแล้วปลูกเองทำเองมีหลักฐานไปแสดงอยากจะเปลี่ยนผลผลิตเช่นอยากจะเปลี่ยนต้นยางเป็นปาล์มน้ำมันหรือจะทุเรียน เงาะ หรืออะไรก็แล้วแต่ ต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มีหลักฐานแสดงเจตนาว่าเราได้ทำอะไรที่ถูกต้องก็เป็นเครื่องที่ป้องกันตัวท่านเองได้ ขอฝากเตือนเป็นเรื่องข้อกฎหมาย ตำรวจต้องทำตามหน้าที่” รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี กล่าว.
ขอบคุณภาพ เพจเฟซบุ๊กพยัคฆ์ไพร