เมื่อวันที่ 25 ก.พ. พ.ต.ท.อุทัย ทองสาหร่าย รองผกก.สอบสวน สภ.คลองหลวง รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้โกดังภายในโครงการพันจิตแลนด์ ม.11ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงประสานงานงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองท่าโขลง และหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยใกล้เคียงรุดไปที่เกิด พบเป็นโกดังให้เช่าขนาดใหญ่ปลูกติดกัน 7 โกดัง ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในโกดังที่ 2 จากประตูทางเข้า เลขที่ 82/13 ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับรับส่งพัสดุและกิจการเครื่องหนัง แสงเพลิงและกลุ่มควันพวยพุ่งจากด้านในและลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามพังประตูเหล็กขนาดใหญ่ความสูงมากกว่า 5 เมตรเข้าไปเพื่อฉีดน้ำสกัดเพลิงแต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ประกับกับมีลมกระโชกแรงจนต้องขอสนับสนุนรถดับเพลิงฐานที่ตั้งใกล้เคียงกว่า 20 คันสนับสนุน

การสกัดเพลิงเป็นไปด้วยความลำบากเพราะวัสดุภายในเป็นกล่องกระดาษ พลาสติก เครื่องหนัง ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วไปติดโกดังเลขที่ 82/12 ซึ่งประกอบกิจการเครื่องหนังเจ้าของเดียวกัน โดยที่เพลิงนั้นได้เผาผลาญวัสดุด้านในอย่างรวดเร็วและลุกไหม้ไปติดโกดังทั้งสองฝั่งซ้ายขวาที่ติดกันซึ่งประกอบกิจการเครื่องครัวอุตสาหกรรมได้รับความเสียหายเล็กน้อย ส่วนโกดังใกล้กันต่างพากันนำสิ่งของมีค่าออกจากโกดังเพื่อป้องกันความเสียหาย ใช้เวลากว่า 2 ชม. จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการงานรักษาความปลอดภัย เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุมีประชาชนเห็นควันขึ้นมาจากโกดังเลขที่ 82/13 และได้กลิ่นไฟไหม้จึงวิ่งมาบอกตนเองซึ่งตอนนั้นไม่มีคนงานทำงานอยู่เพราะคนงานเลิกงานไปตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00 น. เมื่อตนเองมาดูก็พบมีเพลิงไหม้จึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและตำรวจ

ด้านนางศรินภัสร์ อายุ 42ปี เจ้าของกิจการโกดังที่เกิดเพลิงไหม้ เปิดเผยว่า ตนเประกอบกิจการเกี่ยวกับโกดังรับส่งพัสดุและโกดังสินค้าที่เกี่ยวกับเครื่องหนัง รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า ดอกลำโพง ตอนเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ ปกติทำงานกลางวันช่วง 18.00 น. คนงานก็ปิดโกดังกลับบ้านแล้ว เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ สันนิษฐานว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนค่าเสียหายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

พ.ต.ท.อุทัย ทองสาหร่าย รองผกก.สอบสวนสภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุบันทึกภาพเป็นหลักฐานสอบปากคำพยานบุคคลและประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานร่วมตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป