กรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนมาก่อเหตุงัดบ้านนักธุรกิจชาวจีน (ทำบริษัททัวร์ในประเทศไทย) เลขที่ 189/113 ภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง หมู่ 11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แล้วขึ้นไปงัดตู้เซฟขนาดใหญ่ ในห้องพักชั้น 2 ก่อนจะกวาดทรัพย์สิน-นาฬิกาข้อมือราคาแพง รวมมูลค่ากว่า 100 ร้อยบาท ตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น
โจรบุกงัดบ้านนักธุรกิจชาวจีนในชลบุรี ฉกนาฬิกาหรูมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
ความคืบหน้าทางคดี เมื่อเวลา 12.00 น. (17 มกราคม 68) พ.ต.อ.อรรถพล อิทธโยภาสกุล ผกก., พ.ต.ท.พรพรหม ม่วงบังยุง รอง ผกก.สส., พ.ต.ท.นิติภูมิ บุตรวงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) พร้อมด้วย ชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี (พฐ.) เดินทางลงพื้นที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาร่องรอยเบาะแสของคนร้าย รวมถึงการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง ภายในห้องพักที่เกิดเหตุ รวมถึงมีการตรวจสอบบริเวณรอบด้านของบ้านที่เกิดเหตุ โดยด้านหลังบ้านเป็นกำแพง โดยด้านหลังกำแพงเป็นไร่มันสำปะหลัง
ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมีการตรวจสอบตู้เซฟอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งลักษณะของตู้เซฟใบดังกล่าว มีขนาดความกว้าง 1 เมตร สูง 1.50 เมตร น้ำหนักรวม 250 กิโลกรัม โดยด้านขอบตู้เซฟทั้ง 4 ด้าน ถูกหล่อด้วยปูน และหุ้มด้วยเหล็กอย่างหนา ตัวบานประตูเซฟถูกงัดด้วยชะแลงเหล็กจนพังเสียหาย จนเศษปูนกระเด็นกระจัดกระจาย และคราบฝุ่นจากปูนเต็มไปทั่วบริเวณ ส่วนกล่องใส่นาฬิกาข้อมือเป็นลักษณะกล่องไม้ สามารถใส่นาฬิกาได้ถึง 10 เรือน วางอยู่เรียงรายจำนวน 8 กล่อง และยังพบกล่องนาฬิกาข้อมือยี่ห้อดัง จำนวน 1 กล่อง แต่เป็นเพียงแค่กล่องเปล่า ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่ พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำ นายหยูเฉา เชา (Mr.Youchao Cho) อายุ 43 ปี ชาวจีน ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชาวจีนเหมือนกัน ให้มาพักอาศัยบ้านหลังดังกล่าว และคอยดูแลบ้านให้ แต่ล่าสุดจากการสอบปากคำ นายหยูเฉา เชา ให้การกับตำรวจว่า ได้มาอยู่บ้านหลังดังกล่าวได้ประมาณ 4 เดือน โดยก่อนหน้านี้พยายามหาบ้านเช่าในประเทศไทย แต่เพื่อนได้แนะนำให้มาอยู่บ้านหลังดังกล่าว พร้อมทั้งให้ช่วยดูแลบ้าน ส่วนเจ้าของบ้านตัวจริงอยู่ประเทศจีน โดยเจ้าตัวยังคงยืนยันว่าเป็นเพียงผู้พักอาศัยอยู่ภายในบ้าน แต่ไม่รู้ว่าภายในตู้เซฟมีทรัพย์สินอะไรอยู่บ้าง และยังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ใจว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตำรวจมีการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวพบว่า มีชาวจีนและคนไทยร่วมซื้อบ้านหลังดังกล่าว โดยชาวจีนซึ่งทราบชื่อเพียงว่า “นายหวัง เหลียง เฉิน” ได้นำตู้เซฟใบดังกล่าวมาวางไว้ในห้องพักเมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งในขณะนั้น นายหวัง เหลียง เฉิน ได้ร่วมกับคนไทยเปิดบริษัททัวร์ในประเทศไทย แต่พอเดินทางกลับไปประเทศจีน ก็ถูกดำเนินคดี ไม่สามารถเดินทางกลับมาประเทศไทย นานกว่า 8 ปีแล้ว ด้านทรัพย์สินที่หาย มีการกล่าวอ้างว่า มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นนาฬิกาข้อมือหรูราคาแพง ในขณะนี้ตำรวจไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะทางผู้เสียหายหรือเจ้าของตัวจริง ยังไม่มีการมาแสดงหลักฐานยืนยัน แต่ในขณะนี้ตำรวจอยู่ในระหว่างการตรวจสอบและแกะรอยจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาจุดเชื่อมโยง คนร้ายเข้ามาลงมือก่อเหตุในช่วงเวลาใด และเชื่อว่าคนร้ายเจาะจงเข้ามางัดตู้เซฟโดยเฉพาะ โดยคิดว่าภายในตู้เซฟต้องมีทรัพย์สินอะไรบางอย่าง.