
การแข่งขันฟุตบอลรีโว่ ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2024/25 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2568 ณ […]
* อาร์เซน่อล (อังกฤษ)*
รอบ ลีก เฟส (อันดับ 3 : 19 แต้ม ชนะ 6, เสมอ 1, แพ้ 1)
– เสมอ อตาลันต้า (เยือน) 0-0
– ชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (เหย้า) 2-0
– ชนะ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค (เหย้า) 1-0
– แพ้ อินเตอร์ มิลาน (เยือน) 0-1
– ชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน (เยือน) 5-1
– ชนะ อาแอส โมนาโก (เหย้า) 3-0
– ชนะ ดินาโม ซาเกร็บ (เหย้า) 3-0
– ชนะ จีโรน่า (เหย้า) 2-1
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
– ชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (เยือน) 7-1
– เสมอ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (เหย้า) 2-2
(รวมสองนัด ชนะ 9-3)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
– ชนะ เรอัล มาดริด (เหย้า) 3-0
– ชนะ เรอัล มาดริด (เยือน) 2-1
(รวมสองนัด ชนะ 5-1)
“ไอ้ปืนใหญ่” ภายใต้การนำทัพของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า เล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้แบบมาดีเกินคาด เพราะจนถึงตอนนี้เพิ่งปราชัยแค่นัดเดียวเท่านั้น จากทั้งหมด 12 เกม แถมรอบล่าสุดปราบแชมป์เก่าด้วยสกอร์รวมขาดลอยด้วย
———-
บาร์เซโลน่า (สเปน)
รอบ ลีก เฟส (อันดับ 2 : 19 แต้ม ชนะ 6, เสมอ 1, แพ้ 1)
– แพ้ อาแอส โมนาโก (เยือน) 1-2
– ชนะ ยัง บอยส์ (เหย้า) 5-0
– ชนะ บาเยิร์น มิวนิค (เหย้า) 4-1
– ชนะ เซอร์เวนา ซเวซดา (เยือน) 5-2
– ชนะ แบรสต์ (เหย้า) 3-0
– ชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยือน) 3-2
– ชนะ เบนฟิก้า (เยือน) 5-4
– เสมอ อตาลันต้า (เหย้า) 2-2
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
– ชนะ เบนฟิก้า (เยือน) 1-0
– ชนะ เบนฟิก้า (เหย้า) 3-1
(รวมสองนัด ชนะ 4-1)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
– ชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เหย้า) 4-0
– แพ้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยือน) 1-3
(รวมสองนัด ชนะ 5-3)
ถึงแม้ผ่านรอบก่อนรองฯ แบบมีเสียวเล็กน้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่า ฤดูกาลนี้ บาร์ซ่า ของกุนซือ ฮันซี ฟลิค มาดีจริงๆ และกำลังอยู่บนเส้นทางลุ้น “ทริปเปิลแชมป์” ด้วย
———-
อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)
รอบ ลีก เฟส (อันดับ 4 : 19 แต้ม ชนะ 6, เสมอ 1, แพ้ 1)
– เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน) 0-0
– ชนะ เซอร์เวนา ซเวซดา (เหย้า) 4-0
– ชนะ ยัง บอยส์ (เยือน) 1-0
– ชนะ อาร์เซน่อล (เหย้า) 1-0
– ชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก (เหย้า) 1-0
– แพ้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (เยือน) 0-1
– ชนะ สปาร์ตา ปราก (เยือน) 1-0
– ชนะ อาแอส โมนาโก (เหย้า) 3-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
– ชนะ เฟเยนูร์ด (เยือน) 2-0
– ชนะ เฟเยนูร์ด (เหย้า) 2-1
(รวมสองนัด ชนะ 4-1)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
– ชนะ บาเยิร์น มิวนิค (เยือน) 2-1
– เสมอ บาเยิร์น มิวนิค (เหย้า) 2-2
(รวมสองนัด ชนะ 4-3)
“งูใหญ่” ของกุนซือ ซิโมเน อินซากี แชมป์ 3 สมัย และรองแชมป์เมื่อสองฤดูกาลก่อน เข้ามาถึงรอบตัดเชือกด้วยฟอร์มที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะเกมรับที่เพิ่งเสียแค่ 5 ประตูเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยสุดในทัวร์นาเมนต์
———-
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส)
รอบ ลีก เฟส (อันดับ 15 : 13 แต้ม ชนะ 4, เสมอ 1, แพ้ 3)
– ชนะ จีโรน่า (เหย้า) 1-0
– แพ้ อาร์เซน่อล (เยือน) 0-2
– เสมอ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (เหย้า) 1-1
– แพ้ แอตเลติโก มาดริด (เหย้า) 1-2
– แพ้ บาเยิร์น มิวนิค (เยือน) 0-1
– ชนะ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก (เยือน) 3-0
– ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า) 4-2
– ชนะ เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท (เยือน) 4-1
เพลย์ออฟ
– ชนะ แบรสต์ (เยือน) 3-0
– ชนะ แบรสต์ (เหย้า) 7-0
(รวมสองนัด ชนะ 10-0)
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
– แพ้ ลิเวอร์พูล (เหย้า) 0-1
– ชนะ ลิเวอร์พูล (เยือน) 1-0
(รวมสองนัด เสมอ 1-1 ก่อนชนะดวลจุดโทษ 4-1)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
– ชนะ แอสตัน วิลล่า (เหย้า) 3-1
– แพ้ แอสตัน วิลล่า (เยือน) 2-3
(รวมสองนัด ชนะ 5-4)
ทีมของกุนซือ หลุยส์ เอ็นรีเก้ มาถึงรอบตัดเชือกเป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน ซึ่งแน่นอนว่าครั้งนี้พวกเขามุ่งหวังที่จะไปถึงรอบชิงฯ ให้ได้ หลังจากที่ซีซั่นก่อนโดน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อัดแบบไป-กลับ
———-
ประกบคู่รอบรองชนะเลิศ
– อาร์เซน่อล (อังกฤษ) พบ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส)
– บาร์เซโลน่า (สเปน) พบ อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)
ทั้งนี้ ทีมที่ขึ้นต้นจะได้เตะในบ้านนัดแรก ซึ่งคู่ของ อาร์เซน่อล กับ เปแอสเช จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 29 เมษายน ขณะที่คู่ บาร์ซ่า ดวล อินเตอร์ จะเตะวันพุธที่ 30 เมษายน ส่วนนัดสองจะฟาดแข้งในช่วงวันที่ 6 และ 7 พฤษภาคม โดยรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี วันที่ 31 พฤษภาคม
Subinho