เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 68 นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คุณหมออารมณ์ดีเจ้าของเพจ “หมอเจด” ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ โดยระบุ หายจากไขมันพอกตับแน่ แค่ทำ 3 วิธีนี้! พร้อมอธิบายว่า
“ไขมันพอกตับ” เนี่ย เป็นเรื่องที่กลัวกว่าที่คิดนะครับ เพราะในช่วงแรกไม่มีอาการหรือสัญญาณเตือน หลายคนอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็น เจออีกทีก็ตอนตรวจสุขภาพ เหมือนยิ่งถ้าปล่อยไว้นานๆ ไม่ดูแล อาจลุกลามไปถึงขั้นตับอักเสบ ตับแข็ง หรือหนักสุดก็เสี่ยงเป็นมะเร็งตับได้เลย ซึ่งผมเนี่ยก็ถือเป็นผู้ประสบภัยไขมันพอกตับนะครับ เพราะเป็นไขมันพอกตับระยะ 3 แล้ว
วันนี้จะมาเล่านะ 3 วิธีหลักๆ ที่ช่วยให้หายจากไขมันพอกตับ ซึ่งก็เป็นวิธีที่ผมทำหายจากไขมันพอกตับ มีอะไรบ้างมาดูนะ
1.ลดการเอาเข้า
ถ้าจะให้ไขมันในตับลดลง สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ลดการเอาเข้า และไม่ปล่อยให้มันสะสมเพิ่มขึ้น มาดูกันว่าต้องทำอะไรบ้าง
1.1 คุมอาหารให้ดี
- ลดน้ำตาล ลดของหวาน เช่น น้ำอัดลม ขนมเค้ก เบเกอรี่ และพวกชานมไข่มุก กินเยอะๆ ตับรับไขมันและทำงานหนักแน่หนักแน่
- หลีกเลี่ยงพวกแป้งขัดขาว เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว มันทำให้ร่างกายสะสมไขมันเร็วขึ้น ลองเปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง ธัญพืชแทน
- กินโปรตีนดีๆ เช่น เนื้อปลา ไข่ ถั่ว ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น
1.2 ลดน้ำหนักสักหน่อย - งานวิจัยบอกว่าถ้าลดน้ำหนักได้ 5-10% ของน้ำหนักตัว จะช่วยให้ตับฟื้นตัวได้ อย่าผมเคยหนัก 110 กิโล ลดลงมาเหลือ 80 ตอนนี้หายจากไขมันพอกตับแล้วนะ
ฝากอีกนิดนะคือไม่ต้องรีบลดแบบหักโหม แค่ค่อยๆ ปรับพฤติกรรมทั้งการกินและออกกำลังกาย ก็ช่วยได้เยอะ
1.3 ลดภาวะดื้ออินซูลิน - ไขมันพอกตับไปเกี่ยวกับเรื่องนี้เต็มๆ การออกกำลังกายและคุมอาหารช่วยให้ดีขึ้นทั้งเบาหวานและไขมันพอกตับเลยนะ
2.เพิ่มการเอาออก
พูดง่ายๆคือต้องพยายาม ดึงไขมันที่สะสมออกไปใช้ พอเราไม่เติมไขมันใหม่เข้าไปมากๆ แล้ว ทีนี้ต้องมาหาวิธีเอาไขมันออกไปใช้ด้วย
2.1 ออกกำลังกาย
- ทำคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ให้ได้ 150 นาทีต่อสัปดาห์
- เสริมเวทเทรนนิ่งด้วย เพิ่มกล้ามเนื้อให้ร่างกายช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น
2.2 กินไขมันดีเข้าไปแทนไขมันเลว - เลือกกินพวกอะโวคาโด น้ำมันมะกอก ถั่วต่างๆ ช่วยให้ไขมันในร่างกายสมดุลขึ้น
2.3 อาหารเสริมก็เป็นอีกทางเลือกช่วยได้ - โคลีน (Choline) อันนี้เป็นตัวที่จะช่วยขับไขมันออกจากตับ
- โอเมก้า-3 ลดการอักเสบของตับ
- วิตามินอี มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดตับอักเสบ แต่ต้องทานในปริมาณที่สูง เพราะฉะนั้น เรื่องที่สำคัญมากๆคือต้องปรึกษาหมอก่อนกิน
3.ลดการอักเสบของตับ
อย่างที่บอกไปคือไขมันพอกตับ ซึ่งถ้าอยู่ในระยะนี้แล้ว แล้วเราทิ้งไว้นานอาจทำให้เกิดการอักเสบได้ ซึ่งถ้าอยู่ในระยะนี้แล้ว มาดูกันว่ามีอะไรช่วยได้บ้าง
3.1 ตัดของมัน ของทอดทิ้งไป
- ลดพวกไขมันทรานส์ อาหารทอด อาหารจานด่วน กินเยอะๆ ตับพังแน่นอน
3.2 ดื่มน้ำให้พอ - น้ำช่วยให้ร่างกายขับของเสียออก ลดการทำงานหนักของตับ
3.3 อาหารเสริมก็เป็นอีกตัวช่วยลดการอักเสบนะ - แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดตับอักเสบ
- ซิลิมาริน (Silymarin) หรือสารสกัดจากมิลค์ทิสเซิล ช่วยป้องกันตับอักเสบได้ดี
4.พอทำ 3 วิธีครับแล้ว แยากจะแนะนำต่ออีกนิดคือ อย่าลืมหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ไขมันพอกตับแย่ลง
ถึงจะดูแลดีแค่ไหน ถ้ายังมีพฤติกรรมทำร้ายตับอยู่ ก็คงไม่ช่วยอะไรมาก มาดูกันว่าอะไรที่ควรเลี่ยง
- ลดแอลกอฮอล์ให้น้อยที่สุด หรือเลิกได้เลยยิ่งดี เพราะมันทำให้ตับแย่ลง
- อย่ากินยาเกินความจำเป็น โดยเฉพาะยาพาราเซตามอล ถ้ากินมากไปตับจะพังเอา รวมถึงต้องระวังการใช้สมุนไพรที่ไม่มีแหล่งที่ชัดเจน และน่าเชื่อถือนะ
- ควบคุมน้ำหนักให้คงที่ ไม่ปล่อยให้โยโย่ขึ้นๆ ลงๆ บ่อยๆ
5.ที่ไม่ควรละเลยคือการตรวจสุขภาพตับเป็นระยะนะ
หลายคนอาจไม่รู้ว่าตัวเองมีไขมันพอกตับจนกว่าจะไปตรวจ ดังนั้น ควรตรวจสุขภาพตับเป็นระยะ โดยเฉพาะถ้าเสี่ยง เช่น อ้วนลงพุง กินของหวานเยอะ หรือดื่มแอลกอฮอล์บ่อยๆ
- ตรวจค่าตับ (Liver Function Test) ดูการทำงานของตับ
- ตรวจอัลตราซาวด์ ดูว่ามีไขมันสะสมมากแค่ไหน
- ในบางกรณี อาจต้องทำ Fibroscan เพื่อประเมินความรุนแรงของโรคนะครับ
“หมอเจด” ยังทิ้งท้ายด้วยอีกว่า ไขมันพอกตับแก้ได้ครับ แต่ต้องรีบแก้ ถ้ารู้ตัวเร็วและเริ่มดูแลตัวเองให้ถูกทาง เราก็มีหวังที่จะทำให้ตับกลับมาแข็งแรงได้ ทำตามที่ผมบอกไปข้างบนนะ ตับของคุณดีขึ้นแน่ ถือว่าเชื่อรุ่นพี่เป็นไขมันพอกตับมานะครับ 5555