จากกรณีข่าวของ “ยุ้ย 200k” ครีเอเตอร์นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ชื่อดัง ได้เสียชีวิตลงด้วยอาการป่วยจากภาวะภูมิคุ้มกันตกต่ำ และเกิดอาการแพ้ยา ซึ่งคาดการณ์ว่ามีสาเหตุจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากทำงานหนักเกินไป ทำให้หลายคนให้ความสนใจถึงอาการป่วยล้นหลามตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 ด้านนายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอดและวิกฤติบำบัด เคยโพสต์คลิปวิเคราะห์อาการป่วยของยุ้ย ลงช่องยูทูบส่วนตัว EP : วิเคราะห์เคส: ยุ้ย (200k) นายหน้า TikTok แพ้ยารุนแรง ปอดอักเสบ ใช้เครื่อง ECMO อาจต้องปลูกถ่ายปอด กล่าวว่า

วันนี้ผมก็ได้เห็นเรื่องราวของน้องยุ้ย 200k ในทาง TikTok ซึ่งน้องเขาเป็น Influencer นะครับที่รีวิวสินค้าต่าง ๆ มากมายแล้วก็โด่งดัง อยู่มาวันหนึ่งน้องเขาแพ้ยารุนแรงมากมีผื่นเต็มตัว มีไข้สูง ต่อมน้ำเหลืองโตอักเสบ ตับอักเสบรุนแรง และล่าสุดปอดอักเสบจนกระทั่งจำเป็นจะต้องใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมและส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาฯรอการปลูกถ่ายปอด

ผมก็เลยอยากจะเอาเรื่องนี้มาวิเคราะห์ให้ฟังนะครับในทุกแง่ทุกมุม เพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่เข้ามาฟัง ไม่ว่าจะเรื่องของการแพ้ยา แพ้อะไร ทำไมมันถึงเป็นขนาดนี้ รักษายังไงและถ้าต้องปลูกถ่ายปอดมันจะต้องมีเรื่องราวอะไรที่ต้องรู้บ้าง คลิปนี้ต้องบอกไปก่อนว่ายาวนะจะต้องการเล่าให้ครบทุกแง่ทุกมุม

เริ่มกันที่วันที่ 3 ธันวาคม เป็นวันแรกที่น้องเขาโพสต์ ลงคลิปว่าน้องเขาเข้าโรงพยาบาลมีอาการไข้สูง เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต แล้วก็ต่อมามีผื่นขึ้นตามตัวจนหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคแพ้ยารุนแรงที่เรียกว่า Steven Johnson Syndrome หรือ Toxic Epidermal Necrolysis 2 โรคเนี่ยมันคล้ายกันมากนะ แต่ว่ามันไม่ใช่โรคเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เราจับมันไว้ในกลุ่มเดียวกัน เพราะว่าการดูแลเหมือนกัน น้องเขามีผื่นที่แขนที่ขาที่คอที่หน้าริมฝีปากแผลเต็มเลย ที่หลังที่ตัวแล้วผิวหนังเขาหลุดออกมา แล้วมีน้ำเหลืองไหลเจ็บทรมานมากกินข้าวก็ไม่ค่อยได้ มีไข้อ่อนเพลีย แล้วก็ไปเจออีกด้วยว่าเกิดตับอักเสบ

ซึ่งตอนแรกน้องก็โพสต์ว่าเป็นไวรัสตับอักเสบ แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นตับอักเสบจากการแพ้ยารุนแรง เพราะว่าถ้ามันเป็นไวรัสมันไม่น่าจะทำให้เกิดการผิวลอกแบบนั้น ต่อมน้ำเหลืองโตแบบนั้นไม่น่าจะใช่ น่าจะเป็นการเข้าใจผิดว่ามันเป็นไวรัสซะมากกว่า แต่จริง ๆ น่าจะเป็นการอักเสบรุนแรงที่ตับจนกระทั่งทำให้น้องเขามีดีซ่านหรือที่เรียกว่าจอห์นดิตาเหลืองไปเลย อันนี้ก็รุนแรงจากการใช้ยาสักอย่างหนึ่งก็ได้ แล้วตอนนี้ก็เริ่มมีปอดอักเสบรุนแรงแต่ก่อนหน้าที่เขาจะเข้าโรงพยาบาลวันเดียวก็ปกติทุกอย่างเลย มีคลิปหนึ่งออกมานะบอกว่าน้องเขาวันก่อนหน้าที่เข้าโรงพยาบาล ไม่เป็นอะไรเลยแข็งแรงดีอัดคลิปติ๊กต็อกได้ด้วย แล้วอยู่ ๆ ก็ป่วย

คำถามคือแล้วแพ้ยาอะไร? ️น้องเขาไม่ได้แจ้งว่าแพ้ยาตัวไหน ผมเดามันมีอยู่ทั้งหมด 4 กลุ่ม ซึ่งคนส่วนใหญ่จะแพ้ ผมคิดว่าเป็นไปได้มากที่สุดนะคือ NSAIDs หรือ Non–Steroidal Anti–Inflammatory Drugs ยาตัวนี้เป็นยาในกลุ่มแก้ปวดแก้อักเสบเช่น Ibuprofen Naproxen Indomethacin Diclofenac Mefenamic Acid น้องเขาอาจจะมีอาการปวดประจำเดือน ปวดหลัง ปวดหัว ปวดอะไรสักอย่างแล้วกินตัวนี้เข้าไปก็ได้ แล้วถ้าแพ้มันไม่มีอาการบอกเรามาก่อนว่าเราจะแพ้ เราไม่มีทางรู้ก่อนเลยว่าเราจะแพ้ หรือเราจะไม่แพ้ แล้วอาการมันจะเกิดขึ้นเร็วมากในระยะเวลาเป็นวัน ตอนแรกกินเข้าไปอาจจะไม่คิดอะไรมากกินเข้าไปทำไมเพลีย ๆ ปวด เมื่อย ทำไมมันคัน ๆ แต่ก็ไม่คิดอะไรก็อาจจะกินซ้ำเข้าไปนั่นแหละ ทำให้อาการมันรุนแรงมากขึ้นได้

อีก 3 กลุ่มที่เหลือไม่ค่อยน่าจะใช่เท่าไหร่ กลุ่มยาฆ่าเชื้อ เช่น ยากลุ่ม Sulfa Bactrim พวกนี้เป็นต้นนะ ถ้าน้องเขาไม่มีอาการติดเชื้อจะกินยาฆ่าเชื้อทำไม วันก่อนหน้านั้นสบายดีอยู่ ๆ มันจะติดเชื้อจนต้องกินยาฆ่าเชื้ออันนี้คิดว่าไม่น่าจะใช่

ยาเกาต์ Urunal fus stat พวกนี้ก็ไม่คิดว่าจะใช่ เพราะว่าน้องไม่น่าเป็นเกาต์ ปกติแล้ววันหนึ่งจะเป็นเกาต์เลยเหรอไม่น่าใช่ กลุ่มนี้เรา ไม่ได้ให้กินขณะเกาต์กำเริบ ดังนั้นถ้าจะกินก็ต้องกินนานแล้วไม่ได้เพิ่งมากินเอาวันนี้ กลุ่มสุดท้ายยากันชัก เช่น Phenytoin, carbamazepine, oxcarbazepine พวกนี้เป็นต้น เพราะน้องไม่มีโรคลมชักจะกินไปทำไม

สำหรับผมคิดว่าน้องแพ้ให้กลุ่มยาแก้ปวดแก้อักเสบมากที่สุด อย่างไรก็ตามอาจจะเป็นยาตัวอื่นก็ได้ เพราะผมไม่มีข้อมูล หลังจากคุณยุ้ยเข้าโรงพยาบาล และได้เข้าห้อง ICU เพราะอาการแย่ลง สุดท้ายก็ได้ออกจากห้องฉุกเฉิน มีการใช้ออกซิเจน ค่อย ๆ ดีขึ้นผื่นไม่ค่อยแดงเหมือนตอนแรก แต่ตอนนั้นเริ่มไอ ตอนที่กินพูดเยอะจะไอเยอะ และมีคลิปหนึ่งที่ทำการกายภาพปอด โดยใช้ปอด Incentive Spirometer เพื่อให้ลูกบอลลอยมา ทำให้คุณหมอสงสัย นั่นคืออาการปอดอักเสบ ต่อมาก็เป็นเช่นนั้นจริง และคุณยุ้ยก็ได้เข้าห้อง ICU รอบสอง จึงต้องใช้ออกซิเจนขนาดสูง หรือที่เรียก High Flow

เมื่อเทียบออกซิเจนปกติที่เข้าจมูก พวกนั้นจะปล่อยออกซิเจนให้ 2-3 ลิตร/นาที อย่างมากขึ้น 5-6 ลิตร/นาที และจะไม่ขึ้นเกินนั้น แต่เครื่อง High Flow จะปล่อยอย่างต่ำ 30-40 ลิตร/นาที ซึ่ง 3 ลิตร/นาที กับ 30 ลิตร/นาที เท่ากับสูง 10 เท่า แสดงว่าเคสคุณยุ้ยปอดอักเสบเยอะ แต่ขณะนั้นน้องมีการอธิบายว่าเป็นน้ำท่วมปอด แต่ความจริงไม่น่าใช่ แต่เป็นปอดอักเสบ

น้ำท่วมปอด และปอดอักเสบไม่ใช่อย่างเดียวกัน ถ้าหากน้ำท่วมปอด คือ ไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้ ก็เลยท่วมที่ปอด แต่ของน้องเป็นเพราะ จากปอดอักเสบล้วน ๆ และรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ เพื่อหวังว่าลดการอักเสบปอด แต่ปกติแล้วจะไม่ให้ยาสเตียรอยด์ Stevens Johnson Syndrome หรือ Toxic Epidermal Necrolysis เหตุเพราะไม่ได้ผล และจะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย จึงทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ถึงขั้นบางคนอาจนอนไม่หลับ

อีกทั้งทำไมถึงให้หมอคิดว่าโรค Stevens Johnson Syndrome หรือ Toxic Epidermal Necrolysis นั้นจะมียาบางตัวที่ได้ผล แต่ไม่มีในต่างจังหวัด เพราะมันแพงและหายาก ดังนั้นคุณคิดดูว่าคนไข้อยู่ข้างหน้าและแย่ ทำให้คนเป็นหมอทำใจไม่ได้ ต้องทำให้คนไข้ดีขึ้น แล้วถ้าหากว่าคนไข้ปอดอักเสบรุนแรง และยาที่มือเป็นยาสเตียรอยด์ ทำให้ปอดหายอักเสบได้อีกหน่อย ถึงแม้ว่าไม่ได้ผล แต่ให้อยู่เฉยคงไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่หมอให้ยาสเตียรอยด์

บางคนที่เรียนหมออาจคิดว่า เป็นอีกโรคหนึ่งหรือไม่ ที่สามารถใช้ยาสเตียรอยด์ได้ โรคนั้นก็คือ “DRESS Syndrome” หรือ Drug reaction with eosinophilia systemic symptoms โรคนี้จะมีผื่นถ้าหากเจาะเลือดจะเจอเม็ดเลือดขาวเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิลสูงร่วมกับมีไข้ มีตับอักเสบ…

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @Doctor Tany