มาร์เก็ตเพลส

หมอทดลองเอง ฉีดโบท็อกซ์แค่ “ครึ่งหน้า” เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างชัดๆ
April 26, 2025

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม รับบท “หนูทดลอง” ด้วยตัวเอง ฉีดโบท็อกซ์แค่ครึ่งหน้า เผยให้เห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงให้เห็นกันชัดๆ

ดร.บิตา ฟาร์เรลล์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม ได้ทำการทดลองกับตัวเอง โดยฉีด “โบท็อกซ์” เข้ากล้ามเนื้อบนใบหน้าเพียงซีกเดียว เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของยา “โบทูลินัม ท็อกซิน” ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นพิษต่อระบบประสาท แต่มีการนำมาใช้ทางการแพทย์ด้านความงามอย่างแพร่หลาย เพื่อลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า เทียบกับใบหน้าซีกที่ไม่ได้มีการฉีดโบท็อกซ์

 

ดร.ฟาร์เรลล์ เปิดเผยว่า เธอทดลองฉีดโบท็อกซ์เพียงข้างเดียวของใบหน้า “เพื่อประโยชน์ของวิทยาศาสตร์และการศึกษา” แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่มันสามารถทำได้

2 สัปดาห์ก่อนการถ่ายทำคลิปวิดีโอผลลัพธ์ คุณหมอที่มีประสบการณ์การฉีดมากกว่า 20 ปี รายนี้ ได้ฉีดโบท็อกซ์ที่กล้ามเนื้อด้านล่างของข้างขวาของใบหน้า โดยมุ่งเป้าไปที่กล้ามเนื้อ DAO ที่ดึงมุมปากลง และกล้ามเนื้อพลาติสมา (platysma) ซึ่งมีบทบาทในการแสดงอารมณ์ทางใบหน้าและการเคลื่อนไหวของปาก

“ตอนนี้สำหรับคุณ หลังจาก 2 สัปดาห์ ฉันจะนำเสนอผลลัพธ์เมื่อพยายามหดกล้ามเนื้อด้านล่างของใบหน้า” ดร.ฟาร์เรลล์ กล่าวกับผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย

ผลลัพธ์พูดได้ด้วยตัวเอง

ในคลิปวิดีโอที่ ดร.ฟาร์เรลล์ โพสต์ลงบนอินสตาแกรมซึ่งมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากถึง 101,000 คน ซึ่งขณะนี้คลิปดังกล่าวได้จำกัดการเข้าถึงไปแล้ว

แสดงให้เห็นว่า เมื่อเธอพยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณล่างของใบหน้านั้น ปรากฏว่ากล้ามเนื้อใบหน้าด้านขวาที่ฉีดโบท็อกซ์แทบไม่มีการเคลื่อนไหว ทั้งที่เธอพยายามขยับใบหน้าซีกขวา แต่ก็ไม่สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้

ในขณะที่ใบหน้าด้านซ้ายยังคงขยับได้และแสดงสีหน้าท่าทางได้อย่างชัดเจน โดยเธอชี้ให้เห็นลักษณะของกล้ามเนื้อ Platysma ด้านซ้ายที่หดตัวและดึงแนวกรามลง เช่นเดียวกับกล้ามเนื้อ DAO ซีกซ้ายที่ดึงมุมปากลง

เมื่อเปรียบเทียบใบหน้าทั้งสองข้าง ดร.ฟาร์เรลล์ กล่าวว่า แก้มด้านที่ฉีดโบท็อกซ์ดูยกขึ้น ร่องแก้มดูตื้นขึ้น และเส้นร่องน้ำหมากก็ดูจางลง 

 

เธอยังอธิบายเพิ่มเติมว่า กล้ามเนื้อบนใบหน้ามีทั้งที่ดึงขึ้นและดึงลง เมื่อกล้ามเนื้อที่ดึงส่วนล่างของใบหน้าลง (Platysma และ DAO) ถูกฉีดและคลายตัวด้วยสารที่ควบคุมการสร้างหรือหลั่งสารสื่อประสาท (Neuromodulator) เช่น โบท็อกซ์ กล้ามเนื้อที่ดึงส่วนกลางของใบหน้าขึ้น (Zygomaticus หรือ กล้ามเนื้อแก้ม) ก็จะทำงานได้เด่นขึ้น

ทำให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ทำให้ใบหน้าดูตึง และยังช่วยยกกระชับลำคอและทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น รวมถึงทำให้แก้มดูเต็มและยกขึ้นด้วย

ดร.ฟาร์เรลล์ กล่าวว่า ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์จะอยู่ได้นานราว 3-4 เดือน ก่อนจะปิดท้ายด้วยการพูดติดตลกว่า เธอควรจะไปฉีดโบท็อกซ์เข้าหน้าอีกข้างที่เหลือ เพื่อให้ใบหน้าดูสมดุลกัน

 

ขณะที่ชาวเน็ตต่างก็ประทับใจกับการสาธิตของ ดร.ฟาร์เรลล์ และแสดงความคิดเห็นมากมาย หลายคนชื่นชมความกล้าหาญของเธอที่ยอมเป็นหนูทดลองด้วยตัวเอง ในขณะที่บางคนก็แสดงความรู้สึกตกใจมากกับผลลัพธ์และความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างซีกหน้าที่ฉีดและไม่ได้ฉีดโบท็อกซ์

นอกจากนี้ ยังมีบางคนที่มองว่า ใบหน้าที่เป็นไปตามธรรมชาตินั้นสวยกว่าและไม่ชอบที่เมื่อฉีดโบท็อกซ์แล้ว จะไม่สามารถเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อบนใบหน้าและแสดงสีหน้าออกมาได้

“ว้าว… หมอที่ยอมแสดงการเปรียบเทียบบนตัวเอง? นี่ทำให้ฉันเคารพหมอมากขึ้น ขอบคุณค่ะหมอ”
“ฉันคงทนไม่ไหวถ้าใบหน้าฉันไม่ขยับ มันทำให้ฉันรู้สึกตกใจ”
“ข้างที่ไม่ได้ฉีดดูดีกว่ามาก ฉันตกใจเมื่อเธอบอกว่าฝั่งนั้น ขอบคุณสำหรับการสาธิต”
“นี่คือการสาธิตที่น่าทึ่งของผลกระทบจากโบท็อกซ์ มันยอดเยี่ยมจริงๆ ขอบคุณที่ทำสิ่งนี้ ฉันตกใจมากที่เห็นความแตกต่างขนาดนี้”


บทความเพิ่มเติม