หมอดูชื่อดัง “นิด กิจจา ทวีกุลกิจ” ได้ออกมาเปิดดวงทำนายชะตาโลกในปี 2568 เศรษฐกิจทั่วโลกอาการหนัก ขอให้ทุกคนเตรียมตัวป้องกันให้ดี เพราะปี 2568 เศรษฐกิจทั่วโลกซบเซาอย่างหนัก โดยเฉพาะประเทศยุโรปและประเทศตะวันตกอาการหนัก ประเทศไทยก็น่าเป็นห่วง การส่งออกจะชะลอตัวลงอย่างมาก เศรษฐกิจไทยยังโงหัวไม่ขึ้น
เศรษฐกิจในปี 2568 ย่ำแยทุกอาชีพ
ในปี 2568 เศรษฐกิจประเทศยุโรปและประเทศตะวันตก
และอีกหลายประเทศเศรษฐกิจล้มหนัก ประเทศไทยก็ยังโง
หัวไม่ขึ้น เพราะฉะนั้นจึงต้องระวังให้มาก อย่าชะล่าใจเป็น
อันขาด นอกจากคนที่ดวงดีเท่านั้นจึงลงทนได้ ในยามที่
เศรษฐกิจไม่ดี ก็มีคนดวงดีที่ไม่เดือดร้อน ในขณะเดียวกัน
ยามที่เศรษฐกิจดีมาก ก็ยังมีคนจนเหมือนกัน เพียงแต่ยามที่
เศรษฐกิจดีๆคนก็มีงานทำ ไปสมัครงานที่ไหนก็ง่าย แต่ปีนี้
ชัวโมงนี้เศรษฐกิจย่ำแยทุกอาชีพ บริษัทและโรงงานต่างๆจึง
จำเป็นตองปิดกิจการ หรือย้ายไปประเทศเพื่อนบ้านที่มี
คาแรงถูก หลายๆบริษัทก็จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง
เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย คนน้อยลงแต่งานเพิ่มมากขึ้น ขอให้
ทุกคนอดทนทำไป ไม่ตกงานก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว
หวั่นมีสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้
หลายประเทศในแถบยุโรปให้ประชาชนเตรียมกักตุนเสบียงอาหาร-น้ำดื่ม และยาประจำตัวเอาไว้ และยังสร้างที่หลบภัยสงครามให้กับประชาชน เพราะเกรงว่าสงครามระหว่าง ประเทศรัสเซีนกับประเทศยูเครนจะขยายวงกว้างขึ้น จนกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 เหตุมาจากโจ ไบเดนประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทิ้งทวนส่งจรวดให้ประเทศยูเครน นำไปยิงเข้าไปถึงแผ่นดินประเทศรัสเซีย ด้วยเหตุนี้หลายประเทศในยโรปจึงหวั่นวิตกว่าจะลามเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้น
แต่ในความเห็นส่วนตัวของผม ผมคิดว่ายังไม่ เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 และผมยังเชื่อว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 มันจะเกิดขึ้นมาจากประเทศตะวันออกกลาง มันจะ ลุกลามไปทั่ว เชื้อสงครามโลกครั้งที่ 3 มันไม่น่าเกิดจากประเทศรัสเซีย นี่เป็นความเห็นส่วนตัวผมเอง ผมยังเชื่อว่าประเทศประเทศซาอุดีอาระเบียออกมาประกาศจับมือกับประเทศอิหร่านเมื่อไหร่ สงครามจะรุนแรงมากขึ้นๆ ประเทศที่
นับถือศาสนามุสลิมหลายประเทศ จะออกมาร่วมรบกับ อิสราเอลและสหรัฐ จะมีรัสเซียแอบหนุนหลังส่งอาวุธให้อิหรานและอิรักรวมทั้งประเทศชีเรีย และประเทศเลบานอน
เมื่อสงครามเริ่มรุนแรงขึ้น ประเทศจีน ประเทศ เกาหลีเหนือ จะรวมกันทำสงครามกับอิสราเอล ชาตินาโต จะรวมตัวกันทำสงคราม แต่จะมีบางชาติที่อยู่กับนาโต้ จะไม่ร่วมทำสงคราม อาจจะถอนตัวออกมาจากนาโต้ เชื่อว่ารัสเซียจะเพิ่มเติมอาวุธที่มีความรุนแรงมากขึ้นกับ ยูเครน แต่ยังไมขั้นต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์ คาดวาอย่างเร็วอีกประมาณ 2-3 ปีสงครามที่ตะวันออกกลางจะเพิ่มความ
รุนแรงมากขึ้น ถ้าสงครามในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น และประเทศซาอุดีอาระเบีย ออกโรงเมื่อไหร่ ค่อยมาจับตาดู
สงครามโลกครั้งที่ 3 จะตามมา คงไม่ใช่เวลานี้
จะมีหลายประเทศที่ถูกถล่มด้วยอาวุธนิวเคลียร์
อีกเรื่องที่น่าจับตาดูคือถ้าประเทศจีนยึดเกาะไต้หวันสำเร็จเมื่อไหร่ เมื่อนั้นแหละที่จะมีโอกาสเกิดสูงครามโลกครั้งที่ 3 จะตามมา….ในความเห็นของผม ผมไม่เชื่อว่า เกาหลีเหนือ จะมีอาวุธที่ทันสมัยมากนัก มีแค่จำนวนกำลังทหารมากเท่านั้นอาวุธของเกาหลีเหนือไม่น่ากลัวในสายตาผม อาวุธของ ประเทศจีน และรัสเซียมีอานุภาพรุนแรงกว่าของ เกาหลีเหนือมากมาย ถ้าสงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้นขึ้นประเทศโปแลนต์ที่มีพื้นที่ติดกับรัสเซียจะโดนถล่มก่อน ส่วนประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้ คงให้เกาหลีเหนือจัดการ ถึงอย่างไรผมยังเชื่อว่าประเทศสหรัฐจะโดนถล่มด้วยอาวุธ นิวเคลียร์ และบางรัฐสำคัญของสหรัฐจะพังย่อยยับ ไม่ใช่แค่ สหรัฐเท่านั้นที่จะถูกถล่มด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ประเทศรัสเซียประเทศจีนก็จะโดนอาวุธนิวเคลียรด้วยเหมือนกัน จะมี
หลายประเทศที่ถูกถล่มด้วยอาวุธนิวเคลียร์ จนพังยับเยินไป
ตามๆกัน
จับตา จีน – สหรัฐ
ในขณะนี้ประเทศจีนพัฒนาอาวุธและอีกหลายอย่างล้ำหนาไปมากกว่าสหรัฐแล้ว เหมือนประเทศจีนหายใจรดต้นคอสหรัฐ อีกเพียงสามสี่ก้าวประเทศจีนก็จะไล่ทันสหรัฐหรืออาจจะแซงหน้าสหรัฐก็เป็นไปได้เหมือนกัน จะช้าหรือเร็ว สงครามโลกครั้งที่ 3 มันต้องเกิด แต่คงไม่ใช่นี้หรือปีหน้าที่หลายประเทศหวั่นๆกัน แต่มีการเตรียมตัวก็เป็นเรื่องดีไม่เสียหายอะไร ถ้ารัสเซียเกิดบ้าเลือดขึ้นมาไปถล่มประเทศโปแลนด์ ก็น่ากลัวเหมือนกันเพราะจะเป็นเหตุให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3เร็วขึ้น แต่ผมยังมั่นใจว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 ถ้าจะเกิดย่างเร็วก็อีก 2-3 ปีนับจากปีนี้เป็นต้นไป
เมื่อเกิดสงครามโลกขึ้นมา ราคาสินค้าอุปโภค บริโภคจะพุ่งกระฉูดทันที ประเทศไทยต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด อย่าให้ประเทศไหนมาตั้งฐานทัพ ในประเทศไทย ถ้าสูงครามโลกเกิดขึ้นจะกินเวลาอย่างน้อย 3-4 ปีสงครามจึงจะค่อยๆเบาลง ความเสียหายจะแผ่ไป หลายประเทศที่เข้าร่วมทำสงคราม ประเทศไทยโชคดีที่มี “พระเหนือโลก” คอยปกปักษ์รักษาคุ้มครองประเทศไทยตลอดเวลา
ที่มา – หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ
