เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2568 ที่ว่าการอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ นายเลิง บุญมา อายุ 54 ปี ชาวบ้านโนนตูม หมู่ 4 ต.ลำคลอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เดินทางพบนายทะเบียนอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อขอคำปรึกษาแนวทางการติดตามตัว น.ส.เอ (นามสมมุติ) หลานสาว ซึ่งเป็นญาติลูกพี่ลูกน้อง ที่ไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ตนได้รับหมายศาลฐานไม่ชำระค่างวดรถ ก่อนที่จะเข้าปรึกษาด้านคดีความกับเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์
นายเลิง กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนและลูกเมียเป็นทุกข์ใจอย่างมาก หลังจากได้รับหมายศาลจังหวัดภูเขียว ระบุให้ตกเป็นจำเลยคนที่ 2 และให้ชดใช้ตามสัญญาเช่าซื้อรถเก๋ง วงเงินหลายแสนบาท เนื่องจากเคยลงชื่อค้ำประกันเช่าซื้อรถให้กับ น.ส.เอ หลานสาว จำเลยคนที่ 1 แต่กลับไม่ชำระค่างวดรถ จากการตรวจดูเอกสารพบว่าชำระไปแค่ 4 งวด จากทั้งหมด 36 งวด และสุดท้ายหายไปทั้งคนทั้งรถ ซึ่งเมื่อ 4-5 วันก่อน มีคนแปลกหน้า 2 คนมาถ่ายภาพที่ดินซึ่งเป็นที่นาของตน จากการสอบถามทราบว่าเป็นพนักงานของเต็นท์รถแห่งหนึ่ง พร้อมกับบอกว่าให้รอรับหนังสือจากกองบังคับคดี ทำให้ตนไม่สบายใจ ได้แต่ปรับทุกข์กับญาติว่า ที่ดินอาจจะถูกยึดตามคำสั่งศาล หากไม่มีเงินไปชดใช้ให้กับเต็นท์รถซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องตน ในฐานะจำเลยที่ 2

นายเลิง กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ได้รับหมายศาล เนื่องจากเมื่อปี 2560 ได้ลงชื่อค้ำประกันเช่าซื้อรถเก๋งมือสองให้กับน.ส.เอ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน โดยทำสัญญากับเต็นท์รถแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ทีแรกตนไม่อยากจะเซ็นชื่อเป็นผู้ค้ำให้เลย แต่ก็มีญาติผู้ใหญ่รบเร้าและเห็นใจหลานสาว ที่อยากมีรถขับไปทำงาน ซึ่งทำงานอยู่ที่เต็นท์รถแห่งหนึ่ง และที่บ้านก็ประกอบอาชีพค้าขาย มีรายได้ประจำ คิดว่าคงไม่ติดขัดในการผ่อนชำระค่างวดรถ โดยราคาเช่าซื้อ 208,800 บาท ชำระเดือนละ 5,800 บาท ทั้งหมดจำนวน 36 งวด ต่อมาในปี 2561 ได้รับหมายศาลจังหวัดภูเขียว
ระบุตนตกเป็นจำเลยคนที่ 2 และหลานเป็นจำเลยคนที่ 1 เนื่องจากผิดสัญญาเช่าซื้อรถ ตามเอกสารระบุน.ส.เอได้ชำระเพียง 4 เดือนเท่านั้น ทำให้รู้สึกตกใจมาก เพราะจู่ๆ ก็ได้รับหมายศาลและตกเป็นจำเลยดังกล่าว พยายามติดต่อน.ส.เอ เพื่อสอบถามเรื่องราวความเป็นไปก็ไม่สามารถติดต่อได้ ทราบจากญาติว่าเปลี่ยนที่ทำงานและเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์บ่อย และเมื่อปี 2566 พ่อน.ส.เอเสียชีวิต ตนจึงได้พบกับน.ส.เอที่มางานศพ จึงได้สอบถามว่าทำไมไม่ชำระค่างวด น.ส.เอก็ตอบว่าตอนนี้เคลียร์จบแล้ว ไม่ต้องห่วง ทำให้ตนรู้สึกสบายใจ ว่าคงเป็นอย่างที่น.ส.เอบอก เพราะไม่เห็นมีหนังสือหรือเอกสารอะไรจากศาลหรือที่ไหนส่งมาถึงตนอีก
“แต่แล้ว เมื่อ 4-5 วันก่อน ขณะที่ออกไปที่นา ซึ่งเป็นที่ทำกินก็ได้มีคนแปลกหน้า 2 คนเข้ามาถ่ายภาพ ก่อนบอกว่าให้รอรับหนังสือจากกองบังคับคดีดังกล่าว ทำให้ตนกับลูกเมียไม่สบายใจเป็นอย่างมาก จนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะน.ส.เอไม่ชำระค่างวดรถเป็นแน่ จะติดต่อสอบถามกับน.ส.เอก็ติดต่อไม่ได้อีก ไม่รู้ไปอยู่ไหน และรถที่เช่าซื้อยังอยู่หรือเปล่า สุดท้ายจึงได้มายื่นคำขอให้ฝ่ายทะเบียนอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ช่วยหาที่อยู่ว่าอยู่ไหน มีตัวตนอยู่หรือเปล่า จากนั้นมาขอคำปรึกษากับสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อหาแนวทางทางแก้ไขปัญหา แต่ก็เป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีคำสั่งของศาลออกมาแล้ว” นายเลิง กล่าว

นายเลิงกล่าวในตอนท้ายว่า จากการขอคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมฯ และตรวจสอบเอกสาร พบว่าเงินต้นคงเหลือ 185,600 บาท หากรวมดอกเบี้ยตั้งแต่ปี 2561-2568 คงจะประมาณ 300,000 บาท ทั้งนี้ ก็คงจะรอหนังสือจากกองบังคับคดีว่าจะเป็นอย่างไร คำสั่งศาลให้ชดใช้เท่าไหร่ จากนั้นก็คงจะเข้าไปขอความเห็นใจและขอไกล่เกลี่ยกับโจทก์อีกทีหนึ่ง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมูลเหตุจากน.ส.เอ ในฐานะคนทำสัญญากับเต็นท์รถ ขอให้ไปบังคับเอากับ น.ส.เอ ซึ่งมีตัวตนอยู่
ขอความสงสารเห็นใจตนด้วย เพราะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมาดา ฐานะยากจน มีที่ทำกินแปลงเดียว อย่าเพิ่งมายึดที่ทำกินและขายทอดตลาดเลย ขอความเป็นธรรมให้กับตนด้วย อย่างไรก็ตาม ก็อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน อย่าได้หลงเชื่อไปเซ็นค้ำประกันใดๆ ให้กับคนอื่น ความเดือดร้อน เป็นทุกข์ใจจะตามมาเหมือนกับที่ตนกำลังประสบอยู่ก็อาจเป็นได้ จึงอยากวิงวอนไปถึง น.ส.เอ ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ขอให้กลับมาแสดงความรับผิดชอบด้วย อย่าให้ตนต้องมารับผิดชอบคนเดียวเลย