เมื่อวันที่ 22 ก.พ. จากการที่มีการนำเสนอข่าว เขื่อนคิรีธาร พบพื้นที่ทำเกษตรกรรมสวนทุเรียนบนเกาะกลางน้ำ พื้นที่ทั้งหมดอยู่ในเขตหมู่ 3 บ้านสะพานหินบน ตำบลบ่อเวฬุ อำเภอขลุง เขตติดต่ออำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี โดยมีการบุกรุกป่าสงวนและพื้นที่ ส.ป.ก. บางส่วน ล่าสุด สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดจันทบุรี (ส.ป.ก.จันทบุรี) ออกเอกสารชี้แจงประเด็นข่าว ส.ป.ก.จันทบุรี ระบุว่า
ตามที่มีประเด็นข่าว พบการทำสวนทุเรียนในลักษณะเป็นเกาะในบริเวณอ่างเก็บน้ำคิรีธาร อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี นั้น ส.ป.ก. ขอเรียนว่า พื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นเกาะในอ่างเก็บน้ำคิรีธาร เป็นพื้นที่ที่กรมปาไม้ มอบให้ ส.ป.ก. นำมาดำเนินการปฏิรูปที่ดิน เนื้อที่ 27,993.75 ไร่ ในขั้นตอนการนำพื้นที่บริเวณดังกล่าวมาดำเนินการปฏิรูปที่ดินได้ผ่านการตรวจสอบสภาพป่าตามบันทึกข้อตกลงระหว่างกรมป่าไม้และ ส.ป.ก. ว่าด้วยแนวทางการปฏิบัติในการกันพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติกลับคืนกรมป่าไม้ พ.ศ. 2538 แล้ว (เนื้อที่ตรวจสอบ 27,994 ไร่ กันคืนกรมป่าไม้เนื้อที่ 2,770ไร่) คงเหลือพื้นที่ดำเนินการปฏิรูป ที่ดินเนื้อที่ 25,224 ไร่ ต่อมามีพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ่อเวฬุ และตำบลตกพรม อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2551 มีผลทำให้ ส.ป.ก. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปที่ดิน ตามมาตรา 36 ทวี แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2532

อย่างไรก็ตาม ในขณะปัจจุบันยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส.ป.ก. ว่าได้เข้าไปดำเนินการจัดที่ดิน และออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ให้ผู้ถือครอบที่ดิน แต่อย่างใด ทั้งนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีกว่า บริเวณอ่างเก็บน้ำคิรีธาร รวมถึงพื้นที่ที่ปรากฏในภาพข่าว และบริเวณพื้นที่ขอบอ่างเก็บน้ำบางส่วน เป็นพื้นที่ที่กรมป่าไม้มีภาระผูกพันตามกฎหมาย เนื่องจากก่อนที่จะมีการดำเนินการให้ส่งมอบมอบพื้นที่ให้ ส.ป.ก. มาดำเนินการปฏิรูปที่ติน กรมป่าไม้ได้อนุญาตให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ใช้พื้นที่เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิริธาร (ชื่อเดิม : โครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำห้วยสะพานหิน) และปรากฏข้อเท็จจริงในพื้นที่ว่ามีปัญหาทับซ้อนของแนวเขตของทั้งสองหน่วยงาน ซึ่ง ส.ป.ก. จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ทับซ้อน และการถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายต่อไป
