จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความว่า ตำรวจ สภ.คลองหลวง ขับรถชนวัยรุ่นชายจนพิการติดเตียง กลายเป็นเจ้าชายนิทรามา 2 เดือน ทางตำรวจอ้างว่าตนเองไม่ผิด ได้มีการใช้เจ้าหน้าที่พฐ. มาตรวจสอบความเร็วรถและตรวจรอยชน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าใครผิด ต่อมาตำรวจ สภ.คลองหลวง เปลี่ยนแผนมาใช้วิธียัดข้อหาให้วัยรุ่นชาย อ้างว่าวัยรุ่นชายแหกด่านมา และใช้ความเร็วรถมอเตอร์ไซต์เกินทำให้รถไปชนกับรถตำรวจ และจะไม่ขอชดใช้ค่าเสียหายให้ เพราะไม่ใช่ฝ่ายผิด ทางญาติๆเกรงว่า วัยรุ่นชายจะเจ็บตัวพิการฟรี เพราะตำรวจช่วยเหลือกันในทางคดี เคสนี้แย่มาก ชายที่พิการติดเตียง ปกติต้องคอยเลี้ยงแม่ที่พิการติดเตียง แต่ตอนนี้กลับต้องมานอนติดเตียงเอง 2 เดือนแล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านผู้ขับขี่รถยนต์ที่ถูกพาดพิงด้งกล่าว วึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ “ส.ต.ท.” เดินทางเข้าพบกับ ร.ต.ท.อนุสรณ์ เวียงสิมา รอง สว.(สอบสวน)สภ.คลองหลวง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม

ต่อมาได้ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 67 ตนเองได้ขับรถยนต์ โตโยต้า คัมรี่ ไปส่งผู้บังคับบัญชา และขากลับขับรถมาถนนพหลโยธินขาเข้ากทม. ช่องทางคู่ขนานเลนขวา หน้าบริษัทบริสโตน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งตนเองมองไม่เห็นรถจยย. คันดังกล่าว จู่ๆรถจยย. ก็เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน จึงทำให้เฉี่ยวชนกัน เมื่อเฉี่ยวชนกันแล้วพบว่าคนขับได้รับบาดเจ็บ ตนเองจึงลงไปดูอาการของน้องที่บาดเจ็บ ซึ่งด้านหน้ามีด่านตำรวจอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบมาดูเหตุการณ์

จากนั้นได้เรียกรถกู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือ หลังจากเกิดเหตุแล้วก็มีการพูดคุยกันตลอด และตนเองก็ได้เข้าไปหาน้องคนเจ็บที่โรงพยาบาล เพราะน้องเขาไปรักษาตามสิทธิที่รพ.อีกแห่งหนึ่งโดยตนเองเป็นพาคู่กรณีไปย้ายรพ. จากนั้นก็เข้ามาพบพนักงานสอบสวน 2 ครั้ง และได้คุยกับพี่ชายคนเจ็บด้วย ซึ่งพี่ชายยังบอกว่าไม่ได้อะไร แค่อยากให้ช่วยเหลือเยียวยาค่ารักษาพยาบาล ตนเองยังบอกไปว่าตนเองก็พร้อมช่วยเหลือตามที่ตนเองช่วยไหว เพราะตำรวจเจ้าของคดีก็ยังไม่ได้ชี้ว่าใครเป็นคนผิดถูกอย่างไร

จากนั้นตนเองก็ยังโทรศัพท์พูดคุยกับพี่ชายกับคู่กรณีตลอด ล่าสุดก็สัปดาห์ก่อน โดยคนเจ็บกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านคืออาการมีไข้ มีอาการแทรกซ้อน ซึ่งตนเองเห็นข่าวที่พี่ชายเขาพูดแล้วรู้สึกผิดหวัง เพราะเขาพูดไม่เป็นความจริง พูดหนังคนละม้วน ซึ่งตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อื่น ไม่ใช่ตำรวจสภ.คลองหลวง และพร้อมดูแลเท่าที่ไหว

ด้านพ.ต.ท.สุชัย แส่งส่อง รองผกก.สอบสวนสภ.คลองหลวงได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ได้ส่งรถและภาพจากกล้องวงจรปิดไปตรวจสอบความเร็วที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานเขต 1 ซึ่งขณะนี้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขับรถเก๋งแค่ฝ่ายเดียว ซึ่งต้องรอสอบปากคำคนเจ็บด้วย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย.