มาร์เก็ตเพลส

สาวออฟฟิศจู่ๆ ปวดท้อง หมอผ่าถุงน้ำดี ผงะ “ก้อนนิ่ว” ทะลักยังกับไข่ปลาคาเวียร์
February 18, 2025

สาวออฟฟิศกินหม้อไฟเพลิน จู่ๆ ปวดท้องหนัก! หมอผ่าถุงน้ำดีถึงกับผงะ เจอ “ก้อนนิ่ว” ไหลทะลักยังกับไข่ปลาคาเวียร์

เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า หญิงสาวชาวไต้หวัน วัย 42 ปี ได้ออกไปกินหม้อไฟกับเพื่อนสาว แต่หลังมื้ออาหารกลับปวดท้องข้างขวาอย่างต่อเนื่อง เมื่อตรวจพบว่าเป็น “นิ่วในถุงน้ำดี” อักเสบเฉียบพลัน แพทย์จึงเร่งผ่าตัดทันที

ทว่าเมื่อเปิดถุงน้ำดีออกมา กลับพบก้อนนิ่วสีดำขนาดเล็กจำนวนมากทะลักออกมาราวกับไข่ปลาคาเวียร์ จนแพทย์ถึงกับตกตะลึงและบอกว่า “นับไม่ถ้วน! มีเป็นร้อยเป็นพันเม็ด!”

ดร.อู๋ ไป๋ซวน หัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปและระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลเกาสงกังซาน ซึ่งเป็นผู้ทำการรักษา เปิดเผยว่า ขณะทำการผ่าตัดให้คุณหวัง พนักงานออฟฟิศ วัย 42 ปี เขาต้องตกตะลึงเมื่อเปิดถุงน้ำดีออกมาแล้วพบก้อนนิ่วสีดำจำนวนมหาศาล อัดแน่นราวกับไข่ปลาคาเวียร์ จนแทบทะลักออกมา

นิ่วที่นำออกมากระจายปกคลุมพื้นที่ถึง 10×7 เซนติเมตร ซึ่งถือว่ามากผิดปกติ โชคดีที่ได้รับการรักษาทันท่วงที ไม่เช่นนั้นอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น เยื่อบุช่องท้องอักเสบหรือติดเชื้อในกระแสเลือดได้

ดร.อู๋ ไป๋ซวน กล่าวว่า กรณีนิ่วในถุงน้ำดีจำนวนมากจนแน่นคล้ายไข่ปลาคาเวียร์เช่นนี้พบได้ไม่บ่อยนัก คาดว่าเกี่ยวข้องกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยและการบีบตัวของถุงน้ำดี

หากถุงน้ำดีขาดการบีบตัวอย่างสม่ำเสมอ หรือระบายออกได้ไม่สมบูรณ์ น้ำดีที่เข้มข้นเกินไปจะค้างอยู่ภายในและก่อตัวเป็นตะกอนน้ำดี ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็นนิ่วในถุงน้ำดีในที่สุด

ดร.อู๋ ไป๋ซวน อธิบายว่า ถุงน้ำดีมีหน้าที่เก็บและเข้มข้นน้ำดี เพื่อช่วยย่อยไขมันในอาหาร เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ของทอด หรืออาหารรสจัด ถุงน้ำดีจะบีบตัวและส่งน้ำดีไปยังลำไส้เล็กเพื่อช่วยย่อย

อย่างไรก็ตาม หากนิ่วไปอุดตันทางออกของถุงน้ำดี ทำให้น้ำดีระบายออกไม่ได้ อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดซ้ำๆ และรุนแรงขึ้น จนนำไปสู่อาการอักเสบเฉียบพลัน

นอกจากนี้ การปล่อยให้ท้องว่างเป็นเวลานานบ่อยๆ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนใน ผู้หญิงระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงระดับคอเลสเตอรอลและอินซูลินที่สูงในผู้ที่มีภาวะอ้วน ซึ่งส่งผลให้การบีบตัวของถุงน้ำดีลดลง ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการคั่งของน้ำดี และนำไปสู่การก่อตัวของนิ่วในถุงน้ำดี

ดร.อู๋ ไป๋ซวน เตือนว่า นิ่วในถุงน้ำดีมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการปวดกระเพาะ ผู้ป่วยบางรายรับประทานยาลดกรดแต่ไม่ดีขึ้น หรือส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารแล้วก็ไม่พบความผิดปกติ

อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกปวดบีบหรือปวดจี๊ดบริเวณชายโครงขวาหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือมื้อหนัก และอาการปวดลามไปถึงไหล่ขวาหรือหลัง รวมถึงมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด


บทความเพิ่มเติม