เรื่องราวของ “ดิไอคอนกรุ๊ป” ถือว่าเป็นคดีมหากาพย์สุดๆ จากการจับกุมตัว 18 บอสของบริษัท ที่มีลีดเดอร์อย่าง บอสพอล วรัตน์พล, กันต์ กันตถาวร, มิน พีชญา และแซม ยุรนันท์ โดยในขณะนี้หลายคนคงเข้าใจว่า “ดิไอคอนกรุ๊ป” เป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากออกมาเรียกร้องว่า ถูกหลอกลวงให้ซื้อสินค้าจำนวนมากเพื่อนำไปขายต่อ แต่สินค้ากลับขายไม่ได้
ถ้าหากย้อนไปเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 67 มีผู้เสียหายจำนวนมาก เข้าไปร้องเรียนเพจหนึ่งโดยอ้างว่า ถูกธุรกิจออนไลน์ชื่อดังหลอกให้ลงทุนขายตรง และบริษัทยังอ้างอีกว่า หากเป็นสมาชิจะสามารถนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย และทำให้มียอดขายเป็นจำนวนมาก แต่โชคร้ายสินค้าที่เหยื่อลงทุนมากับขายไม่ได้ อีกทั้งยังเสียเงินค่ายิงแอดโฆษณารายเดือนละ 5,000-8,000 บาท
ต่อมา ผู้ที่ติดตามประเด็นนี้ เริ่มขุดคุ้ยข้อมูลของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ปรากฏอยู่ในคลิป และภาพของบริษัทดังกล่าว อาทิ กันต์ กันตถาวร, มิน–พีชญา วัฒนามนตรี, แซม–ยุรนันท์ ภมรมนตรี และ บอย–ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก และเรียกร้องให้บุคคลเหล่านี้ออกมมาชี้แจง
โดย ดาราคนแรกที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน คือ “แซม ยุรนันท์” โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์หรือผู้บริหาร และไม่เคยรับส่วนแบ่งใดๆจากยอดขาย และขณะเดียวกันทาง “บอสพอล วรัตน์พล” หรือ “CEO ดิไอคอนกรุ๊ป” ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า “ตนดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส หากทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง ก็ยอมรับโทษ”
อีกทั้ง สังคมต่างวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นที่เกิดขึ้น ว่าธุรกิจ “ดิไอคอนกรุ๊ป” ข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ เพราะถูกชักชวนให้สมัครเป็นสมาชิก และยังให้ไปหาสมาชิกมาเรียนเพิ่ม เพื่อมีโอกาสในการได้รับตำแหน่งระดับสูง อีกทั้งหลายคนที่ลงทุนในครั้งนี้ คงเป็นเพราะมีดาราและพิธีกรชื่อดังเป็นพรีเซนเตอร์ หรือดาราบางส่วนได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการในบริษัท
ต่อมา เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 67 “บอย ปกรณ์” ได้ออกมายืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ว่าตนเป็นเพียงพรีเซนเตอร์เท่านั้น และไม่ได้รับส่วนแบ่งจากยอดขาย และขณะที่ “กันต์ กันตถาวร” ก็ได้ออกมายุติบทบาทพิธีกรทุกรายการ และพร้อมที่จะเข้ากระบวนการยุติธรรม
กระทั่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า เจ้าของบริษัทที่ถูกกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดธุรกิจขายตรง แชร์ลูกโซ่ หลอกให้ร่วมลงทุน รวมทั้งความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะผู้ถูกกล่าวหาว่าชักชวนให้เครดิตแบ่งเป็นระดับชั้นเครือข่าย
จากนั้น เมื่อวันที่11 ต.ค. 67 มิน “พีชญา วัฒนามนตรี” เป็นนักแสดงชื่อดัง ที่มีชื่อเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ใน“ดิไอคอนกรุ๊ป” ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จว่า ตนเป็นแค่พรีเซนเตอร์ และผู้รับจ้างในฐานะผู้บริหารจัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร หรือพีอาร์ แต่ไม่ใช่ลูกจ้าง และที่ถูกเรียกว่า “บอสมิน” เป็นเพียงการให้เกียรติเท่านั้น
ก่อนที่เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 67 “กันต์ กันตถาวร” ออกมาแถลงความบริสุทธิ์ใจ เป็นเพียง “ผู้รับงาน” จากดิไอคอน และทำหน้าที่เป็นพิธีกรและโฆษกเพื่อพีอาร์สินค้าของดิไอคอนเท่านั้น และไม่ได้เป็นผู้บริหาร ซึ่งตนได้มีการเซ็กข้อมูลบริษัทพบว่า จดทะเบียนถูกต้อง และเป็นการจดทะเบียนการค้าปลีกในช่องทางออนไลน์
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 67 “หนุ่ม-กรรชัย” แทคทีม “กัน จอมพลัง” และบอย ปกรณ์ กับผู้เสียหาย 40 คนจากธุรกิจ “ดิไอคอน” เข้าร้องทุกข์ CIB และต่อจากนั้น “บอสพอล” ก็เปิดใจที่แรกผ่านรายการโหนกระแสของ “หนุ่ม กรรชัย”
ต่อมา เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 67 หลังตำรวจเตรียมออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ปรากฏว่า “บอสพอล” ชิงเข้าพบตำรวจก่อนจะถูกออกหมายจับ และมั่นใจว่าตนขายของออนไลน์ และไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมาย
จนในที่สุด เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 67 ตำรวจ ได้ออกหมายจับระดับบิ๊กบอสรวม 18 รายแล้ว โดยเบื้องต้นมีการจับกุมแล้ว 9 ราย ซึ่งรวมถึงบุคคลชื่อดังอย่าง “บอสแซม ยุรนันท์” แต่ในส่วนของ บอสกันต์-กันต์ กันตถาวร และโค้ชมิน-พีชญา วัฒนามนตรี ก็อยู่ในรายชื่อหมายจับในครั้งนี้ ในข้อหาตามหมายจับ คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
แต่แล้วเรื่องราวของ “ดิไอคอนกรุ๊ป” ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เนื่องจากพบหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน “นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล” หรือ บอสพอล ได้โอนเข้าบัญชีของ มูลนิธิต่อต้านโกง-แชร์ลูกโซ่ กฤษอนงค์ต้านโกง จำนวน 4.5 แสนบาท รวมไปถึงเงินสดที่บอสพอลนำไปมอบให้อีกจำนวน 3 แสนบาท จึงทำให้ศาลอนุมัติออกหมายจับ “กฤษอนงค์” 2 ข้อหา ในความผิดฐาน “กรรโชกทรัพย์” และ “เป็นตัวกลางเรียกรับสินบน” จากกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน
เท่านั้นยังไม่พอ ตำรวจ ปอท. ออกหมายจับ “นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ” ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในข้อหา พ.ร.บ.คอมพ์ กรณีโพสต์ข้อมูลเท็จในระบบเกี่ยวกับเงินดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอน และตนยังยืนยันว่า สิ่งที่ทำเป็นการทำเพื่อพี่น้องประชาชน รวมถึงบอสดิไอคอน ก็ไม่ได้มีการรู้จักส่วนตัว พร้อมขอบคุณตำรวจที่ให้ประกันตัว โดยใช้หลักฐานเป็นเงินสด 50,000 บาท
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 67 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยื่นศาลขอออกหมายจับ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ ผู้เป็นแม่ หลังพบเส้นเงิน “บอสดิไอคอนฯ” เชื่อมโยง 2.5 ล้านบาท โอนรายเดือนตกหลายแสนบาท มองไม่ใช่เงินทำบุญ เหตุมีการจ่ายตามวงรอบแต่ละเดือน
สรุป จนถึงเวลานี้ มีคนดังที่ถูกออกหมายจับแล้ว ประกอบด้วย วรัตน์พล วรัทย์วรกุล (บอสพอล), ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร (บอสปัน), กลด เศรษฐนันท์ (บอสปีเตอร์), ฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ (บอสหมอเอก), นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ (บอสสวย), ญาสิกัญจน์ เอกชิสนุพงศ์ (บอสโซดา), นันท์ธรัฐ เชาวนปรีชา (บอสโอม), ธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ (บอสวิน), กนกธร ปูรณสุคนธ์ (บอสแม่หญิง),เสาวภา วงษ์สาขา (บอสอูมมี่), เชษฐ์ณภัฎ อภิพัฒนกานต์ (บอสทอมมี่), หัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ (บอสป๊อป), จิระวัฒน์ แสงภักดี (โค้ชแล็ป), วิไลลักษณ์ เจ็งสุวรรณ (บอสจอย), ธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ (บอสอ๊อฟ), กันต์ กันตถาวร (บอสกันต์), พีชญา วัฒนามนตรี (โค้ชมิน), ยุรนันท์ ภมรมนตรี (บอสแซม), กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ (พัช), เอก (เอกภพ เหลืองประเสริฐ) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้เป็นลูก และนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดานายสามารถ
คดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” จะจบอย่างไร เพราะขณะนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมตอนนี้ โดยเฉพาะผู้เสียหายที่มีอยู่หลายพันคนหรืออาจถึงหลายหมื่นคน