มาร์เก็ตเพลส

1. กัคโป คืนฟิตมีชื่อนั่งข้างสนาม

ลิเวอร์พูล ใส่ชื่อ โคดี้ กัคโป ที่หายเจ็บข้อเท้าลงซ้อมได้แล้วกลับมานั่งเป็นตัวสำรองหลังจากสตาร์ดัตช์หายหน้าไปจากทีมสองนัด

เทียบจากเกม พรีเมียร์ลีก แมตช์แซงชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-1 ที่ แอนฟิลด์ เจ้าบ้านโรเตชั่นทีมสามรายโดยส่ง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน , อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ ดีโอโก้ โชต้า ลงเล่นเป็น 11 คนแรกแทน คอสตาส ซิมิคาส , เคอร์ติส โจนส์ และ ดาร์วิน นูนเญซ ที่กลับไปนั่งข้างสนาม

อย่างไรก็ดี อาร์เน่อ สล็อต ใช้งานทีมชุดเดิมทุกตำแหน่งที่บุกไปเฉือนชนะ เปแอสเช อย่างเหลือเชื่อ 1-0 ในเกมแรก

ด้าน โม ซาลาห์ ลงบู๊เกมหูใหญ่ให้ ลิเวอร์พูล เทียบเท่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด 73 นัด มีเพียง เจมี่ คาร์ราเกอร์ รายเดียวที่ลงเล่นมากกว่า 80 นัด

2. เปแอสเช ส่งทีมชุดเดิมสู้ศึก

หลุยส์ เอ็นรีเก้ กุนซือทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง วางใจ 11 นักเตะชุดเดิมที่เปิดบ้านดวลกับ ลิเวอร์พูล นัดแรก แต่แพ้อย่างน่าช็อก 1-0 ทั้งๆที่เล่นได้เหนือกว่าทีมเยือนอื้อซ่าทุกกระบวนท่า

กระนั้นก็ดี หากเทียบจากเกม ลีก เอิง นัดล่าสุดที่พวกเขาบุกไปต้อน แรนส์ 4-1 จ่าฝูงลีกเมืองน้ำหอมพักนักเตะตัวจริงมากถึงแปดราย แต่มีหลายรายได้ลงไปยืดเส้นยืดสายในช่วงกลางครึ่งหลัง

3. สนามเปลี่ยน เกมเปลี่ยน

หลังบุกไปคว้าชัยเกมแรกได้ 1-0 ที่ ปาร์ค เดส์ แพรงส์ ลิเวอร์พูล จึงถือแต้มต่อ เปแอสเช พอสมควรเนื่องจากพวกเขาจะได้กลับมาเล่นในบ้านต่อหน้าสาวก เดอะ ค็อป โดยมีสกอร์ตุนนำหน้า

ฉะนั้นแล้ว หงส์แดง จึงเป็นฝ่ายกุมสถานการณ์ของเกมได้ดีกว่าเช่นเดียวกับที่ทีมเงินถังของเมืองน้ำหอมอาศัยลูกเจ้าถิ่นครองเกมรุกใส่ หงส์แดง ได้โดยตลอดแทบฝ่ายเดียวเมื่อสัปดาห์ก่อน

นอกจากนี้ สิ่งที่เหมือนกันคือแม้จะเป็นรอง แต่ เปแอสเช สบโอกาสสอยตาข่ายนำก่อนจาก อุสมาน เด็มเบเล่ หากแต่ที่ต่างไปจากเกมแรกคืออาคันตุกะได้ประตูนำตั้งแต่นาทีที่ 12 ขณะที่ ลิเวอร์พูล สอยตาข่ายได้ก่อนหมดเวลาสามนาที และเป็นประตูชัยตามระเบียบ

แน่นอนว่า เร้ด แมชีน ไม่ได้กดดันใส่ เปแอสเช ข้างเดียวเหมือนเกมนัดก่อนที่ทีมของ  เอ็นรีเก้ บุกพับสนามใส่ทีมของ อาร์เน่อ สล็อต และได้ยิงมากถึง 27 ครั้ง ขณะที่จ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ได้ยิงแค่ 2 ครั้งเท่านั้นตลอด 90 นาที แต่เกมในครึ่งแรกที่ แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล มีสถิติที่ดีกว่าตามคาดแม้จะไม่ถึงกับมากมายอะไรจากการครองบอล 53.4%:46.6% และได้ยิง 10 ครั้ง แต่เข้ากรอบครั้งเดียว ขณะที่ เปแอสเช ได้ยิง 7 ครั้ง แต่เข้ากรอบมากกว่าถึง 4 ครั้งซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นอีกนัดที่ อลิสซง ต้องโชว์ความหนึบเซฟลูกอันตรายให้กับเจ้าบ้าน

ขณะเดียวกัน นูโน่ เมนเดส เล่นได้อย่างโดดเด่นในครึ่งแรกจากสถิติชนะการดวล 7 จาก 10 ครั้งต่างไปจาก โม ซาลาห์ ที่แม้จะไม่ถึงกับไร้พิษสงเหมือนนัดก่อน แต่สตาร์ทีมชาติ อียิปต์ กระชากบอลผ่านคู่แข่งได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้นจาก 8 ครั้ง

4. โรเบิร์ตสัน อกหักอดฉลองวันเกิด

แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้าย ลิเวอร์พูล ลงเล่นเกมนี้เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบอายุ 31 ปีพอดีเนื่องจากปราการหลังทีมชาติ สกอต์แลนด์ เกิดวันที่ 11 มี.ค.1994

อย่างไรก็ดี ร็อบโบ้ ชวดการได้ฉลองวันเกิดจนได้เนื่องจาก หงส์แดง พ่ายการดวลลูกโทษตัดสิน และเป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาไม่ถูกโฉลกกับการลงเล่นในวันเกิดโดยก่อนหน้านี้ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดสองปี 2020 เขาลงเล่นในวันเกิดอายุครบ 26 ปีพอดี แต่ ลิเวอร์พูล พ่ายคารังเช่นกันให้กับ แอตเลติโก มาดริด 3-2

แม้เกมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เปแอสเช จะเป็นไปอย่างสูสีจนยากที่จะคาดเดาถึงผลลัพธ์สุดท้ายก่อนต้องอาศัยการดวลลูกโทษตัดสิน แต่อย่างน้อย เอ็นรีเก้ แสดงให้เห็นว่าลูกทีมของเขาดีพอที่จะบุกมากำชัยที่ แอนฟิลด์ ได้เหมือนที่พวกเขามั่นใจ

และที่สำคัญหลังโม่เกือกกันครบ 120 นาที เปแอสเช พลิกมามีสถิติเหนือกว่า ลิเวอร์พูล ทุกด้านทั้งการครองบอล 54.2%:45.8% และโอกาสยิงประตู 21 ครั้งที่เข้ากรอบ 8 ครั้ง ขณะที่เจ้าบ้านได้ยิง 19 ครั้ง และเข้ากรอบ 3 ครั้ง

หลังเกมยุติ ลิเวอร์พูล เสียสถิติตกรอบถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกหลังบุกไปชนะเกมเยือนได้ก่อนกลับมาเฝ้าบ้านนัดสองรวมทั้งสิ้น 30 นัดติดต่อกัน

ด้าน อลิสซง ซึ่งนัดนี้เซฟลูกอันตรายช่วยทีมได้หลายหนเช่นเดิมสร้างผลงานเซฟสองเกมของรอบน็อกเอาต์ถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก กับคู่ปรับทีมเดียวกันได้มากที่สุด 16 เซฟ (ไม่นับรวมช่วงดวลลูกโทษ) เทียบเท่ากับ มานูเอล นอยเออร์ นายทวารทีม บาเยิร์น นัดบู๊กับ เรอัล มาดริด รอบแปดทีมซีซั่น 2016/17

5. ห่อเหี่ยวก่อนชิงคาราบาว

ถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูล เหลือโอกาสคว้าแชมป์ในซีซั่นนี้สองรายการแล้วทั้ง คาราบาว คัพ และ พรีเมียร์ลีก

มองจากความน่าจะเป็น หงส์แดง ไม่แคล้วได้แชมป์ลีกเมืองผู้ดีไปเชยชมแน่จากการมี 15 แต้มนำ อาร์เซน่อล แม้จะลงเล่นมากกว่าหนึ่งนัด

ยิ่งไปกว่านั้นจะเห็นได้ว่าเป็นทีม ปืนใหญ่ เองที่มีผลงานอ่อนระโหยโรยแรงในระยะหลังจนโดน หงส์แดง ฉีกหนีไปหลายลี้ และไม่แน่ว่าทีมของ มิเกล อาร์เตต้า จะพลาดเองอีกหรือเปล่า

แต่สำหรับถ้วย คาราบาว คัพ ที่แรกทีเดียวเชื่อกันว่า ลิเวอร์พูล น่าจะได้โทรฟี่แบเบอร์เนื่องจากสถิติที่ดวลกับ นิวคาสเซิ่ล พวกเขาเหนือกว่าชัดเจน

พร้อมกันนี้ สาลิกาดง จะไม่มี แอนโธนี่ กอร์ดอน ปีกตัวเก่งที่ติดโทษแบนด้วย แถม ลูอิส ฮอลล์ กับ สเวน บ็อตมัน ก็ลงเล่นไม่ได้เนื่องจากบาดเจ็บ

อย่างไรก็ดี หลังต้องเล่นกับ เปแอสเช 120 นาที หงส์แดง ย่อมเสียเปรียบทีมอีสานในด้านพละกำลัง อีกทั้ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ไม่แน่ว่าจะลงเล่นได้หรือไม่เนื่องจากบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออกเช่นเดียวกับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ กองหลังอีกราย

และที่สำคัญที่สุด สภาพจิตใจของขุนพล เร้ด แมชีน น่าจะห่อเหี่ยวไม่น้อยที่เสียท่าคารังให้กับ เปแอสเช ทั้งที่มีภาษีเหนือกว่าหลังบุกไปชนะเกมแรกได้ ดูไปดูมา เดอะ แม็กพายส์ จึงอาจเป็นรอง หงส์แดง ไม่มากอย่างที่ควรจะเป็นในตอนแรกซะแล้ว