กรณีที่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่ง กกต.ได้เห็นชอบร่างแผนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยจะประกาศวันรับสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 23 – 27 ธันวาคม 2567 และกำหนดวันเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568

เปิดรับสมัครชิง นายก อบจ. วันแรก ‘เพชรบุรี-สุรินทร์-นครศรีฯ’ สุดคึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนจะครบวาระการดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ทั่วประเทศในส่วนของนางกนกพร เดชเดโชนายก อบจ.นครศรีธรรมราช มารดาของ“ชัยชนะ เดชเดโช”รอง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ /ประธานกรรมาธิการตำรวจสภาผู้แทนราษฎร และ “พิทักษ์เดช เดชเดโช” สส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช และรอง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ตัดสินใจลาออกก่อนครบวาระเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมืองมีผลวันที่ 1 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา

โดยทาง กกต.นครศรีธรรมราช ได้กำหนดเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 14-18 ต.ค.2567 และกำหนด เลือกตั้งวันที่ 24 พ.ย. 2567 มีผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ. นครศรีธรรมราช 4 คน ประกอบด้วยเบอร์ 1 “นายกต้อย” นางกนกพร เดชเดโช “ทีมพลังมืองนคร” อดีต นายก อบจ. นครศรีธรรมราช เบอร์ 2 “น้ำ” วาริน ชิณวงศ์ “ทีมนครเข้มแข็ง” นักธุรกิจด้านไอทีและด้านการเกษตร อดีตประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช 2 สมัย และอดีตกรรมการสภาหอการค้าไทย เบอร์ 3 “นายอำเภออาญาสิทธิ์” นายกองตรีอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ “ทีมนครก้าวหน้า” อดีต สส.พปชร. เขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช และเบอร์ 4 “ดร.ชัย” นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ทีมนครก้าวใหม่” อดีต สส.พปชร. เขต 2 จังหวัดนครศรีธรรมราช

ซึ่งสมรภูมิเลือกตั้งของนครศรีธรรมราช ถือเป็นสนามการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคใต้ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ และการดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.นครศรีธรรมราชในช่วงระยะเวลาเกือบ 4 ปี นางกนกพร หรือ “นายกต้อย”ได้สร้างผลงานไว้มากมายทั่วทั้งจังหวัดจนเป็นที่คาดหมายกันว่าในการเลือกตั้งในครั้งต่อไปคงไร้คู่แข่งลงชิงในตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช อย่างแน่นอน

กระทั่งมีกระแสข่าวว่าจะมีการระดมสรรพกำลังทางการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับนางกนกพรพร ทั้งหมดลงสู้ศึกเลือกตั้งนายก อบจ. นครศรีธรรมราช ซึ่งในขณะนั้นยังไม่ชัดเจนว่า”ผู้กล้า”คนดังกล่าวเป็นใคร จนเมื่อมีการตรวจเช็กตรวจสอบชื่อของผู้กล้าคนดังกล่าวและแน่นอนว่าคือสาวหล่อ “น้ำ”วาริน ชิณวงศ์ ซึ่งในขณะนั้นไปนั่งอยู่คณะทำงานของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน จาก พรรคภูมิใจไทย โดยไปนั่งประจำอยู่หน้าห้องของ รมว.แรงงาน และแน่นอนว่าหากเป็น “น้ำ” วาริน ชิณวงศ์ การตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช จึงเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทย จะต้องให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอย่างชัดเจน และกลายเป็นศึกใหญ่ของนางกนกพร เดชเดโช “ทีมพลังเมืองนคร” อดีต นายก อบจ. นครศรีธรรมราช ไปโดยปริยาย

“เพราะตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราชจะผลต่อการเลือกตั้ง สส.ในครั้งหน้าอย่างแน่นอน ทั้งนี้เนื่องจากในปัจจุบัน จำนวน สส.จังหวัดนครศรีธรรมราช 10 คน จาก 4 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ 5 คน ในจำนวนนี้มี “ชัยชนะ เดชเดโช” และ “พิทักษ์เดช เดชเดโช” บุตรชายของ “นายกต้อย” นางกนกพร รวมอยู่ด้วย และจากพรรคภูมิใจไทย 3 คน ,พรรครวมไทยสร้างชาติ 1 คน และพลังประชารัฐ 1 คน”

การลงพื้นที่เสียงของผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ทั้ง 4 ท่าน ช่วงเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นไปอย่างคึกคัก โดย “นายกต้อย” กนกพร ที่ชูนโยบาย “นครศรีธรรมราช สู่เมืองมหานคร” และด้วยผลงานที่เด่นชัดในตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ที่ผ่านมาประกอบกับจำนวน ส.อบจ.ในสภา อบจ.นครศรีธรรมราช กว่า 35 คน ล้วนอยู่ในทีมของ “ทีมพลังเมืองนคร”ของ”นายกต้อย” กนกพร และที่สำคัญมี 2 บุตรชายและ สส.พรรคประชาธิปัตย์ เมืองคอนรวม 5 คน บรรดาคอการเมือง จึงเชื่อว่า “นายกต้อย”เบอร์ 1 มีคะแนนนำและเป็นต่อคู่แข่งอยู่หลายช่วงตัว

ในขณะที่เบอร์ 2 สาวหล่อ”น้ำ”วาริน ชิณวงศ์ ซึ่งได้ระดมอดีตผู้สมัครนายก อบจ.ในครั้งที่แล้ว 3 คนซึ่งมีคะแนนรวมกันกว่า 3 แสนคะแนนรวมทั้งอดีตผู้สมัคร สส.นครศรีธรรมราช หลายคนจากหลายพรรคการเมือง และ ส.อบจ เสียงข้างน้อยในสภา อบจ.นครศรีธรรมราช สมัยปัจจุบันมา เป็นทีมผู้บริหารและคณะทำงาน อีกทั้งว่ากันว่ามี สว.”สายสีน้ำเงิน” อีก 2-3 ท่านให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และแยกย้ายกันลงพื้นที่พบปะหาเสียงกับประชาชนอย่างต่อเนื่องภายใต้ยุทธศาสตร์”ทัวร์นกขมิ้น” และชูนโยบาย “สุจริต ไม่โกง ไม่ฮั้ว ไม่เรียกค่าหัวคิว” และเรียกร้องชาวนครศรีธรรมราช รวมพลังเปลี่ยน…อบจ.ให้เป็นธรรมเสมอภาค พร้อมยก 18 นโยบายหรือโครงการเร่งด่วนมาใช้ในการหาเสียง จนได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดีเยี่ยม

ส่วน “ทีมนครก้าวหน้า” เบอร์ 3 นายกองตรีอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ มีสโลแกนว่า “นายอำเภออาญาสิทธิ์ เป็นมิตร ประชาชน และชูนโยบาย “อาชีพ ปากท้องต้องมาก่อน เมืองนครต้องก้าวหน้า พัฒนาสวัสดิการ วางรากฐานเพื่อคนรุ่นใหม่”เปลี่ยนเมืองนครด้วยการส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ให้ชาวนครทุกกลุ่มสาขาอาชีพควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวนำรายได้จากการท่องเที่ยวให้พี่น้องชาวนคร ก็ได้รับ เสียงตอบรับจากประชาชนไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ทางด้าน เบอร์ 4 “ทีมนครก้าวใหม่” นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง “เจ้าของสโลแกน “วิศวกรนักบริหาร ผลงานชัด” ประกาศขอเป็นทางเลือกให้ประชาชน พร้อมทำหน้าที่เพื่อพี่น้องชาวนคร” โดยได้งัดผลงานในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง สส.พปชร. ซึ่งสามารถแก้ปัญหาใหญ่ที่คาราคาซังมานับ 10 ปี จนเป็นผลสำเร็จหลายโครงการโดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนทั่วจังหวัด อย่างดีเยี่ยมเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ก่อนวันเลือกตั้ง วันที่ 24 พ.ย 2567 ระยะเวลาที่เหลือประมาณ 2 สัปดาห์ จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับผู้สมัครทั้ง 4 คนในการลงพบปะหาเสียงโน้มน้าวให้ประชาชนตัดสินใจเลือกตัวเอง ซึ่งเมื่อเมื่อเจาะลึกลงไปตรวจสอบดูนโยบายของทั้ง 4 ผู้สมัครจาก 4 ทีมการเมือง พบว่ามี โครงการหรือนโยบาย เหมือนกัน คือการแก้ไข “ปัญหาขยะล้นเมือง” ซึ่งเป็นปัญหาของจังหวัดนครศรีธรรมราชและเมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้ โดยแต่ละทีมแต่ละผู้สมัครมีการนำเสนอแนวทาง รูปแบบ วิธีการ เพื่อแก้ไขปัญหาขยะล้นเมืองอย่างหลากหลายรูปแบบและวิธีการ ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นนโยบายที่ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ และนำมาพิจารณาเพื่อตัดสินใจเลือกผู้สมัครรายใดในวันที่ 24 พ.ย 2567 นี้เป็นนายก อบจ.นครศรีธรรมราชคนต่อไป