
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับ สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย และสมาคมการจัดการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดงานสัมมนา “การกีฬามุ่งสู่ Net Zero ด้วยคาร์บอนนิวทรัลอีเว้นท์ […]
1. อูไน เอเมรี่ จัดสูตร 5-4-1 ไปอุดเต็มตัว อีกทั้งบางจังหวะแผงหลังปรับเป็น 6 ตัวด้วยซ้ำ โดยมีตัวพิเศษอย่าง บูบาก้า กามาร่า กับ ลูก้าส์ ดีญ ขยับเข้าไปยืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค
เปแอสเช ครองบอลบุกอยู่ข้างเดียว โอกาสจบมากมาย แต่ทำได้แค่ส่องไกลนอกกรอบเขตโทษ
2. เห็นรูปแบบการเล่นของทีมสิงห์ผยองแล้วรู้เลยว่าเจ้าบ้านอึดอัดแน่ เพราะถึงจะเข้าเขตโทษได้ ทว่าหาจังหวะจบแบบเหน่งๆ ไม่ได้ มันติดแข้งติดขาไปหมด
มิเท่านั้นยังถูกผู้มาเยือนสวนกลับเสียประตูอีกต่างหาก
3.ประตูนำ 1-0 ของ แอสตัน วิลล่า จัดว่าสมบูรณ์แบบมาก
จอห์น แม็คกิน ชิงจังหวะตัดบอลกลางสนามแล้วลากขึ้นไปจ่ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่บรรจงไหลต่อให้ ยูริ ตีเลมัน หลุดเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนปาดมาเสาไกลให้ มอร์แกน โรเจอร์ส พุ่งเข้ากระทุ้งจ่อๆ
แฟนบอล วิลล่า แบบสุดลิ่มอย่าง ‘ปริ๊นซ์วิลเลี่ยม’ ที่ตามมาเชียร์ทรงสะใจแบบสุดขีดคลั่ง !!!
4.ทีนี้ลองคิดดูนะครับ
แอสตัน วิลล่า ที่มาเล่นแบบ ‘พาร์ค เดอะ บัส’ ขึ้นนำก่อน แล้วเล่นแบบรักษาสกอร์จน เปแอสเช ไม่ได้รับอนุญาตให้เจาะเข้าไปในกรอบเขตโทษ
วิธีเดียวคือต้องยิงจากนอกกรอบให้แม่นยำและเฉียบคมระดับบาดหินขาดเพียงเท่านั้นถึงจะทำลายตาข่ายของผู้มาเยือนได้
ปรากฏว่า เปแอสเช ดันทำอย่างนั้นได้จริงๆ
จังหวะลากไปตะบันของ เดซิเร่ ดูเอ้ จากหน้ากรอบเขตโทษพุ่งเสียบคานชนิดที่ เอมี่ มาร์ติเนซ ได้แต่ยืนมองตาละห้อย
เท่านั้นไม่พอ
ประตูนำ 2-1 ของเจ้าบ้านมาจากจังหวะที่ แอสตัน วิลล่า พยายามขึ้นไปสวนกลับมากเกินไปจนถูกตลบหลัง แถมลูกยิงของ ‘ควิช่า’ ก็เด็ดขาดแบบสุดๆ
5. จริงๆ แอสตัน วิลล่า ควรพอใจกับความปราชัยด้วยสกอร์ 2-1 เพื่อกลับไปแก้มือในบ้านตัวเองนะครับ
แม้ศักยภาพทีมจะเป็นรองเยอะ แต่แพ้แค่ประตูเดียวยังพอมีลุ้นและมีลมหายใจอยู่
น่าเสียดายที่พวกเขาดันหลุดสมาธิในช่วงทดเจ็บเลยโดนไปอีกดอก…ซะอย่างนั้น
แบบนี้จบเลยครับ มันจบเลยครับนาย
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดระดับฟ้าถล่ม แผ่นดินทลาย
รอบตัดเชือก ชปล. สายนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง อาร์เซน่อล กับ เปแอสเช