เชื่อว่าหลายคนคงจะชอบกินมะเขือเทศชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะสาวๆ ที่นิยมใช้กิน ใช้ทา เพื่อบำรุงผิวให้สดชื่น เปล่งออร่า แถมยังดีต่อสุขภาพ เนื่องจาก มะเขือเทศขนาดปานกลางจะมีปริมาณวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งผล มะเขือเทศผลหนึ่งจะมีวิตามินเอราว 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน นอกจากนี้มะเขือเทศยังมีโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และแร่ธาตุอื่น ๆ อีกหลายชนิด แถมยังมีประโยชน์ เช่น มีสารที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ดังนั้นจึงใช้เป็นยารักษาโรคที่เกี่ยวกับปากที่เกิดจากเชื้อราได้

มะเขือเทศมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ คือ ไลโคปีน ที่มีคุณสมบัติสามารถลดการเกิดมะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้มะเขือเทศยังมีบีตา-แคโรทีน และฟอสฟอรัสมาก

ในผลมะเขือเทศมีสารจำพวก แคโรทีนอยด์ ชื่อไลโคพีน ซึ่งเป็นสารสีแดง และวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินซี 1 วิตามินพี 2 วิตามินเอ โดยเฉพาะวิตามินดีและวิตามินซี มีในปริมาณสูง มีกรดมาลิก กรดซิตริก ซึ่งให้รสเปรี้ยว และมีกลูตาเมตซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารบีตา-แคโรทีน และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก เป็นต้น

มะเขือเทศมีสรรพคุณทางยาค่อนข้างสูง เพราะมะเขือเทศมี พี (citrin) ซึ่งจะช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด มะเขือเทศยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะจึงสามารถแก้อาการความดันโลหิตสูง มะเขือเทศมีวิตามินเอจึงสามารถรักษาโรคตาได้ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือมีวิตามินซีมากทำให้สามารถป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด ช่วยระบบการย่อยและช่วยการขับถ่ายอุจจาระอีกด้วย

ช่วยบำรุงผิวลดริ้วรอย ผิวพรรณไม่แห้งกร้าน ระบบการหมุนเวียนเลือดดีขึ้น และยังสามารถต้านมะเร็งได้ด้วย

 ซอสมะเขือเทศสามารถนำมาใช้หมักผมได้ โดยจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผมอันเนื่องมาจากการว่ายในน้ำในสระที่มีคลอรีน และยังนำมาใช้ขัดเครื่องประดับเงินชิ้นให้เงางามได้เหมือนเดิม

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผลเสียอยู่ดี โดยเฉพาะมะเขือเทศที่เป็นผลสีเขียวนั้น ก็มีสารโซลานินอยู่มาก ซึ่งจะทำให้เกิดระบบทางเดินอาหารระคายเคือง คลื่นไส้ และหายใจลำบาก มีพิษหลายอย่างที่อันตรายทั้งต่อเด็กและผู้ใหญ่ อีกทั้งโซลานินยังสามารถทำให้ระบบประสาทส่วนกลางเป็นอัมพาต ปวดท้อง และเสียชีวิตได้

ความปลอดภัยในการบริโภคมะเขือเทศ

ปริมาณมะเขือเทศที่รับประทานจากอาหารในชีวิตประจำวันมักไม่เป็นอันตรายต่อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้ที่ต้องการรับประทานมะเขือเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรคควรรับประทานในปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม รวมถึงระมัดระวังในกรณีต่อไปนี้

การรับประทานมะเขือเทศที่เป็นส่วนประกอบในอาหารหรือรับประทานสดค่อนข้างมีความปลอดภัย สำหรับมะเขือเทศในรูปสารสกัดไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกิน 8 สัปดาห์ โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์

การรับประทานใบมะเขือเทศในปริมาณมากอาจเป็นพิษ ทำให้ผู้ที่รับประทานเกิดผลข้างเคียง เช่น ระคายเคืองลำคอและช่องปากอย่างรุนแรง อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อหดเกร็ง หรือเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตในบางราย

สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรรับประทานมะเขือเทศในรูปสารสกัดในปริมาณมากโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาที่ยืนยันความปลอดภัยเพียงพอ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงประกอบจาก : pobpad.com และ wikipedia.org