จากกรณีโลกออนไลน์แชร์เรื่องราวของ “พ่อเลี้ยงเดี่ยว” รายหนึ่งใน จ.ราชบุรี ว่า ตนมีลูกชายอยู่ 1 คน เลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้งแต่น้องอายุ 3 เดือน จนกระทั่งตอนนี้น้องอายุ 19 ปี ต่อมาน้องได้เกิดอุบัติเหตุ นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานถึง 10 วัน ก่อนจะเสียชีวิต ขณะที่ภรรยาทิ้งตนและลูกไปโดยไม่เคยกลับมาสนใจไยดีอะไรเลย แม้ตอนลูกนอนเจ็บหรืองานศพก็ไม่เคยมา แต่พอรู้ว่าน้องเสียชีวิตแล้วได้รับสินไหมเป็นเงิน 2 ล้านบาท ก็ส่งทนายมาเอาเงิน อ้างว่าแม่มีสิทธิจะได้เพราะมีกฎหมายระบุไว้ ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก เกรียงไกร บุญรอด อายุ 46 ปี ชาว จ.ราชบุรี ว่า ตนเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เด็ก ส่วนแม่ทิ้งน้องไปต้งแต่ 3 เดือน ไม่มีการส่งเสีย ไม่มีการดูแลมา ตลอดที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แค่อยากให้แม่มีความเป็นแม่จริง ๆ ตอนที่น้องป่วยน้องเกิดอุบัติเหตุ ก็ไม่เคยมาดูแล งานศพก็ไม่เคยมา แต่พอเสร็จงานกลับให้ทนายมาเดินเรื่องเอาสินไหมจากอุบัติเหตุ จึงอยากขอความเป็นธรรมหรือขอให้ฝ่ายงานเกี่ยวข้องทางกฎหมาย ช่วยเหลือดูแลครอบครัวตนด้วย

“…อยากให้กฎหมายแบ่งแยกความถูกต้อง มันผิดจากหลักความเป็นจริงว่าเด็กอยู่กับใคร ไม่ควรที่จะแบ่งแยกไปให้แม่อยู่ฝ่ายเดียว เราได้แจ้งกับทางแม่ไปว่า ต้องการเดินเรื่อง ทางแม่ก็ปฏิเสธ โดยให้ทางเราเดินเรื่องไปได้เลยเขาไม่ยุ่ง ภายหลังเดินเรื่องผ่าน เขากลับมาเรียกร้องสิทธิตรงนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่าไม่ต้องการยุ่ง และเราก็ยังมีหลักฐานในการแชตในการพูดคุยกัน…” นายเกรียงไกร กล่าวและเผยต่อไปว่า ในวันนี้ที่เข้ามาเรียกร้องว่า “แม่มีสิทธิ” ถ้าวันใดวันหนึ่งลูกชายของตนเกิดไปยิงใครตาย ถามว่า “คุณแม่” จะมารับผิดชอบในส่วนตรงนี้หรือไม่.