เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 68 บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์โพสต์เตือนภัยพ่อค้าแม่ค้า ขายสินค้าด้วยความระมัดระวัง และคอยสังเกตุพฤติกรรมคนซื้อ หลังมีผู้เสียหาย ทราบชื่อ นายวิฑูรย์ สัญชาติมอญ อายุ 41 ปี เป็นพ่อค้าเร่ขายไอติมกะทิ โดยใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้างเป็นยานพาหนะ ออกตระเวนขายในเขตพื้นที่ อ.โพธิ์ทอง ถูกคนร้ายใช้ธนบัตรมูลค่า 100 บาท แล้วใช้ปากกาเมจิกเขียนซ้ำที่เลข 1 และเติมเลข 0 ต่อท้ายตัวเลข สวมรอยให้ดูเหมือน มูลค่า 1,000 บาท ก่อนมาจ่ายค่าไอติมและรับเงินทอนรีบชิ่งหนีไป
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เวลาประมาณ 12.20 น. ของวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา บริเวณถนนเรียบแม่น้ำน้อยเลยศาลเจ้า หมู่ 5 ต.อ่างแก้ว อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง คนร้ายลักษณะเป็นชายวัยรุ่น รูปร่างท้วม สูงประมาณ 165 เซนติเมตร มีรอยสักที่แขนและคอ สวมเสื้อแขนยาวสีฟ้า ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็ก สีแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เรียกให้หยุดรถทำทีสั่งซื้อไอติมใส่ขนมปัง 10 อัน ในราคาอันละ 10 บาท เป็นเงิน 100 บาท โดยบอกว่าจะซื้อไปเลี้ยงคนงานก่อสร้างสะพานที่อยู่ใกล้ๆ ที่เกิดเหตุ และถามว่า จ่ายแบงก์พันมีทอนมั๊ย พร้อมกับโชว์แบงก์ที่กำอยู่ในมือ เปิดเห็นเพียงบางส่วนที่เข้าใจได้ว่าเป็นแบงก์พันจริง ผู้เสียหายบอกว่า เดี๋ยวจะไปตักที่ไซด์งาน เพราะไม่มีถุงใส่ พร้อมนับเงินทอนจากในกระเป๋า 900 บาทยื่นให้ สบโอกาสคนร้ายส่งแบงก์ที่กำไว้ให้ พร้อมรับเงินทอนและขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีอย่างไปรวดเร็ว
จากการสอบถาม นายวิฑูรย์ เเผยว่า ตอนแรกตกใจมาก เมื่อนำแบงก์ที่ได้มาดูถึงได้รู้ว่าเป็นแบงก์มูลค่า 100 บาท และเป็นแบงก์ที่ผลิตเป็นที่ระลึกเนื่องในงานพิธีมหามงคล ซึ่งสีของแบงก์ถ้าดูผิวเผินจะมีลักษณะคล้ายแบงก์ใบละ 1,000 บาท และมีการใช้ปากกาเมจิกหมึกสีน้ำเงินเขียนซ้ำที่เลข 1 และเติมเลข 0 ด้านหลังเพิ่ม พอหายตกใจรีบขี่ตามไปแต่ก็ไม่ทัน
“โมโหและเสียใจ แต่ก็ทำได้แค่ทำใจ ผมหาเช้ากินค่ำ เคยอาศัยอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี และได้ย้านถิ่นฐานมาทำมาหากินที่ จ.อ่างทอง โดยขายไอติมกระทิมา 10 กว่าปี เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ วันนึงขายได้ไม่ถึง 1,000 บาท แต่กลับต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ ฝากเตือนพ่อค้าแม่ค้าให้ตรวจตราธนบัตรที่ลูกค้าส่งให้ดีก่อนที่จะทอนเงิน” พ่อค้าไอติม กล่าว
เบื้องต้นทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ สภ.โพธิ์ทอง ไว้แล้ว ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสืบสวน โดยทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
