เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. จากกรณีชายชาว จ.สระบุรี อายุ 39 ปี ร้องเรียนว่าขณะที่บวชเป็นพระในวัดแห่งหนึ่งมาเป็น 10 ปี ต่อมารู้จักกับนักศึกษาสาวรายหนึ่ง อายุ 21 ปี หน้าตาสวย อาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกัน และนักศึกษาสาวมาสารภาพว่าแอบปลื้มตนมานานจึงตัดสินใจคุยกันประมาณเกือบเดือนจนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ตนเองรู้สึกผิดจึงลาสิกขาบทมาเป็นฆราวาสเพื่อที่จะรับผิดชอบดูแลสาวนักศึกษาคนดังกล่าว แต่ปรากฏว่าเมื่อสึกออกมาแล้ว ถูกทิ้งจึงเสียหายเหมือนถูกตัดอนาคตการเป็นพระ เพราะถ้ายังบวชก็จะได้เป็นรองเจ้าอาวาสแล้ว
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี สอบถามประเด็นนี้กับ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ท่านให้ความเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ต่างจากนารีพิฆาตหรือพิฆาตนารี ต่างฝ่ายต่างไม่หนักแน่นในภาวะทางเพศของตนเอง ผู้หญิงไม่ควรทอดสะพานให้พระ พระก็ไม่ควรมีใจให้กับหญิง แต่ไม่อยากกล่าวโทษหญิง มองว่าพระที่บวชมาถึงขนาด 10 ปีได้เรียนรู้พระธรรมวินัย น่าจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่านี้ พระพุทธเจ้าสอนว่าไม่มีรูปอะไรที่จะครอบงำจิตใจของบุรุษได้เท่ารูปของสตรี และไม่ได้มีรูปใดครอบงำจิตใจสตรีได้เท่ากับรูปของบุรุษ
สาวมาหากุฏิเลยเถิดยอมสึกไปรับผิดชอบ สุดท้ายโดนเท! พ้อไม่งั้นได้เป็นรองเจ้าอาวาสแล้ว
ถ้าย้อนไปวันที่บวช พระอุปัชฌาย์ จะให้หลักสำคัญกับพระใหม่ เป็นอาวุธสำคัญ เลยว่า ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นกรรมฐานถ้าคิดพิจารณาให้ดี มันเป็นสิ่งที่ไม่น่าหลงไหล และรูปโฉมลวงได้แต่คนโง่เท่านั้น พระที่ปรารถนามรรคผลนิพพาน จะลวงไม่ได้เลย แสดงว่าพระรูปนี้บวชมาแต่ไม่ได้หวังผลทางศาสนาใดเลย และการที่นำเรื่องนี้มาร้องเรียนฝ่ายหญิง ยิ่งทำให้ดูหน้าอับอาย และทำผิดมากกว่าฝ่ายหญิงอีก