เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ร.ต.อ.สมศักดิ์ ดุจพายัพ รอง สว.สส.สภ.บ้านผือ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านมีพระในวัดแห่งหนึ่งในต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พกและยิงอาวุธปืนเป็นประจำ สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงรุดไปตรวจสอบที่วัดดังกล่าวพบ พระมหาปิยวัฒน์ อายุ 48 ปี อ้างตัวเป็นเจ้าอาวาสวัด จำพรรษาอยู่ที่วัดนี้เพียงรูปเดียว ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้นอาวุธปืน แต่พระมหาปิยวัฒน์อ้างว่าได้นำปืนไปฝากไว้กับพ่อแล้ว แต่ตำรวจไม่เชื่อได้ขอตรวจค้นตัวพบอาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 6 นัดในรังเพลิง นอกจากนี้ยังพบกระสุนปืนอีก 10 นัด อยู่ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวพระที่สวมใส่ จึงควบคุมตัวไปโรงพักทำการสอบสวน

พระมหาปิยวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า บวชมาตั้งแต่ปี 2544 ที่กรุงเทพฯ แต่มาจำพรรษาที่วัดนี้ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบันจนได้เป็นเจ้าอาวาสวัด รวมได้ 23 พรรษา ส่วนอาวุธปืนซื้อมาจากตำรวจที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เมื่อเดือนธ.ค. 2563 ในราคา 73,000 บาท โดยมีใบทะเบียนปืนและใบสัญญาซื้อขาย แต่ตนยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ เนื่องจากเอกสารใบอนุญาตไม่เรียบร้อย ยอมรับว่าตนเคยใช้อาวุธปืนยิงในบริเวณวัด 1 นัด เพื่อทดสอบพระเครื่องและตนพกอาวุธปืนเพื่อป้องกันตัว

ตำรวจได้นำตัวพระมหาปิยวัฒน์ไปทำการสึก แต่พระปิยวัฒน์ปฎิเสธที่จะลาสึก อ้างว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ตำรวจจึงควบคุมตัวมาโรงพักแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อนายทะเบียน (ปืนผิดมือ) พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ที่วัดแห่งนี้ มีพระจำพรรษาอยู่ 3 รูป พระต่างทยอยออกจากวัดไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอื่นจนเหลือพระจำพรรษาอยู่ที่วัดรูปเดียว และเจ้าอาวาสวัดชอบพกปืนและยิงปืนทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวและแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบจนพบว่าพกปืนจริง จึงนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย