
โจชัว เซิร์กเซ่ กองหน้าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต้องการอำลา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเดือนมกราคม
ทักษิณ ชินวัตร ตอบรับเป็นประธานที่ปรึกษา หาก สุชัย พรชัยศักดิ์อุดม ได้รับตำแหน่งประธานโอลิมปิคไทยคนใหม่ เชื่อทำให้โครงการต่าง ๆ สามารถขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลโดยไม่มีเรื่องของผลประโยชน์แอบแฝง
หลังจากที่ “บิ๊กสุชัย” นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หนึ่งในแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้ทำการเปิดนโยบายหลักหากได้รับเลือกเข้าไปเป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิคไทย ในการเลือกตั้งวันที่ 25 มี.ค.นี้ ด้วยการตั้ง “กองทุนช่วยเหลือสมาคมกีฬา” เบื้องต้น 100 ล้านบาท
“สุชัย” ตั้งทันทีกองทุนช่วยคนกีฬา 100 ล้าน วงในเผยสมาคมร่วมเทใจสนับสนุน
“สุชัย” โชว์วิสัยทัศน์ชิงปธ.โอลิมปิคไทย เสนอตั้งกองทุนสมาคมกีฬาปีละ 200 ล้าน
สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หนึ่งในแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ
ล่าสุด “บิ๊กสุชัย” เปิดเผยว่า เพื่อให้การทำงานระหว่างคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) รวมไปถึงสมาคมกีฬา และภาครัฐบาล เดินหน้าพัฒนาทางด้านกีฬาอย่างเป็นรูปธรรมในทิศทางเดียวกัน และการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จระดับนานาชาติในอนาคต ตนได้เรียนเชิญท่านทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานที่ปรึกษาของประธานคณะกรรมการโอลิมปิค หากตนได้รับเลือกเป็นประธาน ซึ่งท่านก็ตอบรับเรียบร้อยแล้ว
“ผมมีความตั้งใจจะเข้ามาทำงาน อยากจะพัฒนาวงการกีฬาไทยในทุกระบบให้มีความทันสมัย และประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติมากที่สุด โดยเฉพาะการผลักดันให้ประเทศไทยกลับมาเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ในปี 2038 หลังจากไม่ได้จัดมานาน การที่ได้ท่านทักษิณตอบรับมาเป็นประธานที่ปรึกษา เชื่อว่าจะให้โครงการต่าง ๆ สามารถขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม และก่อเกิดประโยชน์กับสมาคมกีฬาและประเทศชาติอย่างยั่งยืน ที่สำคัญสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยไม่มีเรื่องของผลประโยชน์แอบแฝง”
นายสุชัย กล่าวอีกว่า การเสนอตัวเข้ารับการเลือกตั้งเป็นประธานโอลิมปิคไทยในครั้งนี้ ตนมีความพร้อมในการอาสาทำงานให้กับวงการกีฬา เพื่อให้มีความทันสมัย และจะเดินหน้าสนับสนุนคนในวงการกีฬาแบบไม่มีความแตกแยก และไม่มีการนำการเมือง หรือ รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงชี้นำใด ๆ แต่เป็นความร่วมมือกัน เพื่อนำพาวงการกีฬาไทยสู่ความเป็นอินเตอร์ และยกระดับการพัฒนาวงการกีฬาอย่างแท้จริง
“ผมไม่เคยแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวกับเรื่องกีฬา ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ตลอดเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ที่ผมทำงานอยู่เบื้องหลังของกีฬามาตลอด” นายสุชัย กล่าวทิ้งท้าย.