1. ฟอร์มโดยรวมของ ‘ปีศาจแดง’ ถือว่าห่วยนะครับ เฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งเวลาแรกที่เข้าขั้นห่วยแตกเลยทีเดียว
นอกจากจะต่อบอลกันขาดๆ เกินๆ แล้วยังเล่นกันกล้าๆ กลัวๆ เน้นส่งคืนหลังเป็นพิเศษ เอะอะก็ส่งคืนหลัง ขนาดข้างหน้ามีพื้นที่ว่าง แทนที่จะพลิกขึ้นบน กูก็จะส่งคืนหลัง
ดูแล้วอยากกระโดดถีบทีวียิ่งนัก
2.ถามว่าทำไมถึงเน้นส่งคืนหลัง ???
คำตอบคือมันขึ้นเกมรุกไม่ถนัดไงครับ เพราะ ‘พี่ม้า’ เขารู้จุดอ่อนว่าทีมเก่าตัวเองไม่ชอบคู่แข่งที่บีบและเข้าประชิดตัวเร็ว
คุณภาพในการรับส่งบอลบัดซบ เกมรุกก็ต่างคนต่างเล่น ทีมเวิร์คต่ำตมอย่างจงหนัก กองหน้าก็เก็บบอลไม่ได้เหมือนเดิม
สปีดเกมจึงเชื่องช้าระดับเดียวกับเรือขนทราย แล้วมันจะไปทำอะไรใครเขาได้
จบครึ่งแรกมีโอกาสยิง 2 ครั้ง ไม่ตรงกรอบ แถมโดนนำอีกตะหาก เห็นแล้วก็ทุเรศสายตายิ่งนัก
3.รูเบน อโมริม ส่งผู้เล่นใหม่อย่าง แพทริค ดอร์กู ลงตัวจริงทันที แต่กลับให้เล่นเป็น ‘วิงแบ็คขวา’ ซะอย่างนั้น
มิหนำยังถอดเขาออกในครึ่งหลัง แทนที่จะเป็น ‘วิงแบ็คซ้าย’ อย่าง ดิโอโก้ ดาโลต์ ที่เปิดบอลมั่วกับจ่ายบอลเสียเป็นระยะ
ยังดีที่ครึ่งหลังเปลี่ยนตัวและแก้เกมได้ผลจนสามารถพลิกกลับมาชนะได้แบบหวุดหวิด มิเช่นนั้นโดนด่าเสียหมาแน่นอน
4. อาการของ แมนยูไนเต็ด มาดีขึ้นในครึ่งหลัง เมื่อ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ถูกส่งลงมาพลางถ่าง อาหมัด ดิยัลโล่ ออกไปเล่นเป็น ‘วิงแบ็คขวา’
อย่างน้อย ‘ไอ้หนูอาร์เจนติน่า’ ยังพอใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากๆๆๆ เลื้อยๆๆๆ ช่วยให้เกมรุกวูบวาบพลางสร้างโอกาสได้มากขึ้น
ก่อนจะส่ง โจชัว เซิร์คซี่ ลงมาเสริมเกมรุกอีกคน
ที่สำคัญคือสถานการณ์มันบังคับให้นักเตะในเครื่องแบบปีศาจแดงวิ่งกันมากขึ้น และพยายามพาบอลไปข้างหน้ามากขึ้น ประกอบกับคุณภาพของคู่แข่งที่ไม่ได้สูงอะไรมากนัก
แมนยูไนเต็ด จึงตีเสมอ ก่อนจะโกงความตายได้สำเร็จ
สรุปว่าชนะเกมนี้ได้ด้วยความสามารถเฉพาะตัวบวกดวงดีกว่า และคุณภาพของคู่แข่ง
5.ประตูชัยของปีศาจแดง หากดูจากภาพช้า เหมือน ‘ไอ้หัวแตงโม’ ผู้โขกตุงตาข่ายจะอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า
ทว่าไลน์แมนดันไม่ยกธงขึ้นมา
พอดี เอฟเอ คัพ รอบ 4 ยังไม่มี VAR
ว่าแล้วก็กลายเป็นประเด็น
จริงๆ เรื่องนี้ไม่ต้องเถียงกันให้เสียเวลาว่าล้ำหรือไม่ล้ำ
ผมเคยบอกหลายรอบ ตั้งแต่สมัยยังไม่มี VAR แล้วว่ามันคิดง่ายๆ และดูง่ายๆ
คือถ้าไลน์แมนยกธง มันก็ล้ำหน้า
ถ้าไลน์แมนไม่ยกธง มันก็ไม่ล้ำหน้า
แค่นั้นเองจะเถียงกันทำแมวน้ำอะไร 555
