เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 68 มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “สถานีวิจัยสัตว์ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่” ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอ รวมถึงเล่าเรื่องราวการสื่อสารของ “เสือโคร่ง” ภายในอุทยานแห่งชาติทับลาน พร้อมเผยประสบการณ์ตรงที่ทำให้รู้ว่า “เสือโคร่งนั้นสื่อสารกันอย่างไร”

โดย เพจสถานีวิจัยสัตว์ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ระบุความว่า “ส่งเสียง สื่อสาร ประสาเสือ ณ.จุดตั้งแค้มป์ เพื่อการศึกษาวิจัยเสือโคร่งภายในอุทยานแห่งชาติทับลาน ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ของช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน ยังมีใครบางคนที่ข่มตาหลับไม่ลง เพราะมีงานร้อนค้างคาในมือ ขณะที่สายตาและนิ้วมือจดจ่ออยู่กับจอและแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์นั้น ประสาทหูกลับได้ยินเสียงบางอย่างคล้ายใบไม้ขนาดใหญ่ โดนลมพัดปลิวกระทบกับพื้นผิวที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้แห้ง “แกรก แกรก”

อีกทั้ง “จึงเพ่งมองออกไปตามทิศทางของแสงไฟ ที่ส่องไปยังฟากฝั่งต้นทางของเสียงที่ได้ยิน สิ่งที่ปรากฏขึ้นตามลำแสงไฟนั้นทำจังหวะการเต้นของหัวใจ รัว ถี่ขึ้นอย่างชัดเจน มันคือ เสือโคร่งที่ย่ำเดินอยู่อย่างไม่ใส่ใจแสงไฟ ที่ส่องตามร่างของมัน ในขณะเดียวกันสายตาของมนุษย์ที่เฝ้ามองนั้น ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น และได้มองมันกระทั่งลับตาหายไปทางอีกด้านหนึ่งของแค้มป์ ซึ่งเป็นฝั่งที่มีคนนอนพักอยู่สองท่าน”

นอกจากนี้ “หนึ่งในสองคนนั้นเล่าว่า เสือตัวดังกล่าวส่งเสียงร้องในขณะที่เดินออกไป โดยในทิศทางที่มุ่งหน้าเข้าหานั้นก็มีเสียงเสือร้องตอบกลับมา เป็นระยะๆ ทำให้รู้สึกว่าเสียงเสือนั้นระงมอยู่ด้านบนหัวนอน ส่วนอีกคนนั้นกลับไม่ได้ยินเสียงใดใดทั้งสิ้น เช้าตรู่มีเสียงดังออกจากป่าด้านทิศตะวันตก “อ่าววว หู่ อ่า หู่” เป็นระยะๆ”

อีกทั้ง “ระดับเสียงที่หูมนุษย์ได้ยินนั้นคล้ายว่า เสือก้าวเดินพร้อมทั้งเปล่งเสียงร้อง มันส่งเสียงร้องต่อเนื่องสม่ำเสมออยู่ราวห้านาที จนมีอีกเสียงร้องตอบรับจากฝั่งด้านทิศตะวันออกเพียงหนึ่งครั้ง เสียงตั้งต้นนั้นก็เงียบหายไปในทันที ราวกลับรู้แล้วว่าตนเองนั้นต้องเดินไปยังทิศทางใด ป่าก็กลับกลายเป็นเสียงร้องของนกเซ็งแซ่แต่เช้าอีกครั้ง”

อย่างไรก็ตาม “ข้อมูลภาพที่ได้จากการตั้งกล้องนั้นทำให้รู้ว่าแม่เสือโคร่ง TL106 นั้นออกเดินทางไปเพียงลำพัง โดยปล่อยให้ลูกๆ สี่ตัวนั้นเที่ยวเล่นอยู่ในบ้านแม่ในพื้นที่แคบๆ ซึ่งพวกนั้นมันได้แยกกันเป็นสองสายคือ หนึ่งตัวฉายเดี่ยว และเที่ยวกลุ่มอีกสาม โดยตัวที่เดินส่งเสียงร้องนั้น คือ สายเดี่ยวที่ท่องเที่ยวเพียงลำพัง ซึ่งเหตุการณ์ที่ได้พบเจอครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ตรงที่ทำให้รู้ว่า เสือโคร่งนั้นสื่อสารกันอย่างไร

ขอบคุณข้อมูล : สถานีวิจัยสัตว์ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่