เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามลานวัด ตามชายป่าใน อ.บ้านโฮ่ง และ อ.ลี้ จ.ลำพูน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณชายป่ารอบเขตห้ามล่าสัตว์ป่า อ.บ้านโฮ่ง จะปรากฎมีฝูงนกยูงจำนวนมากทั้งตัวผู้และเมีย ออกจากป่ามาหากินอาหารและลำแพนหางเพื่อจับคู่กัน ทำให้สามารถพบฝูงนกยูงได้ง่ายอย่างยิ่ง รวมทั้งยังทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเข้ามาดูนกยูงภายในบริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่า อ.บ้านโฮ่ง อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ยังสามารถพบนกยูงเดินลัดเลาะตามบนถนนเข้าสู่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า อ.บ้านโฮ่ง ในอาการไม่ตื่นตะหนกต่อนักท่องเทียวกับรถยนต์ที่วิ่งไปมาอีกด้วย ซึ่งเมื่อขับรถผ่านไปมาในบริเวณดังกล่าว นักท่องเที่ยวต่างชะลอความเร็วรถเพื่อให้นกยูงไปพ้นจากถนนก่อน ท่ามกลางความตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นนกยูงออกจากป่ามาอยู่ตรงหน้าในระยะห่างจากสายตาเพียงไม่กี่เมตร
นายสุทัศน์ ซวงคำ เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า อ.บ้านโฮ่ง เปิดเผยว่า ช่วงนี้นกยูงที่อยู่ภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งนี้ ต่างออกจากป่ามาจำนวนมากและออกมาทุกวัน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาของการใกล้ฤดูผสมพันธุ์ของนกยูง จึงออกมาเพื่อจับคู่และหาอาหาร ซึ่งนกยูงจะเริ่มออกจากป่าตั้งแต่เดือน ต.ค. และจะออกมามากในช่วงเดือน พ.ย. ถึง ธ.ค. เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกปี โดยนกยูงจะไปรวมฝูงกันตามบริเวณต่างๆ ทั้งเรือกสวนไร่นา ลานวัด ชายป่า มีตั้งแต่จุดละไม่กี่ตัวจนมากถึงกว่า 30 ตัวก็มี เพื่อมาลำแพนโชว์หาง เกี้ยวพาราสีตัวเมียกัน
นายสุทัศน์ กล่าวอีกว่า สำหรับเขตห้ามล่าสัตว์ป่า อ.บ้านโฮ่ง มีเนื้อที่กว่า 200,000 ไร่ มีนกยูงมากที่สุดในภาคเหนือและมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ที่นี่มีมากถึงราว 800 ตัวเป็นอย่างน้อย โดยเมื่ออยู่ในป่า นกยูงจะไม่รวมกลุ่มกัน แต่อาจจะพบมีการเกาะกลุ่มบ้างเพียง 2-3 ตัวเท่านั้น แตกต่างจากการอยู่นอกป่าอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจะสามารถพบได้บนต้นไม้ใหญ่กับตามพุ่มไม้ ทั้งนี้สาเหตุที่บริเวณดังกล่าวมีนกยูงมาก ก็เพราะเจ้าหน้าที่ได้ดูแลอย่างเต็มที่ เช่น ทำแนวกันไฟป่า ป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย หรือดักล่านกยูง คอยเติมน้ำให้ในช่วงฤดูแล้ง กับวิธีการอื่นๆ ทั้งหมดก็เพื่อจะอนุรักษ์นักยูงไว้ ทั้งนี้อยากให้นักท่องเที่ยว หากมาเที่ยวหรือพบนกยูง อย่าให้อาหารแก่นกยูง เพราะจะให้พฤติกรรมการหาอาหารของนกยูงเปลี่ยนไป จากเคยหากินได้เองกลายมาเป็นต้องมากินอาหารจากนักท่องเที่ยวแทน.