เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ภายหลังจากมีเผยแพร่ภาพบุกรุกที่ดินภายในอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง จ.ตราด ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ ต่อมา นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผวจ.ตราด ได้สั่งการให้ สำนักงานโครงการชลประทานตราด นำโดย นายอภิภัทร ลาภอุดม หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 โครงการชลประทานตราด พร้อมด้วย ร.ท.พินิจ กิจเพียร ผบ.ร้อย ทพ.นย (ฐานบ้านเขาพลู) และทีมงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

ร่วมตรวจสอบพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ จ.ตราด ผลการตรวจสอบรวม 3 จุด พบว่า มีการบุกรุกพื้นที่เกือบ 100 ไร่จริง โดยจุดแรกเป็นฝั่งทิศใต้ของอ่างเก็บน้ำ เป็นพื้นที่เขา พบมีการปรับพื้นที่จากสภาพป่า ปลูกต้นทุเรียน มีอายุประมาณ 3-4 ปีแล้ว เมื่อตรวจสอบพิกัดตามแผนที่ของชลประทานตราด พบว่าพื้นที่บุกรุกจุดนี้ ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ของชลประทานตราด

ส่วนจุดที่ 2 ฝั่งทางทิศตะวันตกของอ่างเป็นพื้นที่เขา พบมีเสาหลักปักขอบเขตแสดงพื้นที่ชลประทานตราด แต่ภายในพื้นที่พบการบุกรุกปลูกต้นทุเรียน กล้วย มะละกอ และมีขนำอยู่บนเขาอยู่ 1 หลัง โดยจุดนี้ พบว่า เป็นการบุกรุกพื้นที่ชลประทานจริง จึงได้เก็บข้อมูลเบื้องต้น เพื่อดำเนินการตรวจยึดและหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป และในส่วนของจุดที่ 3 ทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอ่าง พบมีการบุกรุกพื้นที่ชลประทานมากเกือบ 100 ไร่

ซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่ม “นายทุนผู้มีอิทธิพลรายใหญ่” เนื่องจากสภาพป่าเดิมถูกปรับพื้นที่เป็นสวนทุเรียนทั้งหมด รวมไปถึงพื้นที่เกาะกลางน้ำ ก็ถูกบุกรุกปรับเป็นสวนทุเรียนทั้งหมดเช่นเดียวกัน และขณะที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบยังพบว่า สวนทุเรียน ยังคงมีการปรับปรุงพื้นที่ทำสวนอยู่ นอกจากนี้ยังพบตัวอาคารบ้านพักอีก 2 หลัง เบื้องต้นจุดนี้ พบการบุกรุกพื้นที่ชลประทานทั้งหมด

ด้านนายอภิภัทร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดแล้ว พบว่า มีการบุกรุกพื้นที่ชลประทานจริง จึงได้ดำเนินการจับจุด GPS และภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อนำไปประกอบเป็นหลักฐานการเตรียมเข้าดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่บุกรุก ส่วนคำกล่าวอ้างจากชาวบ้านที่อ้างว่าชลประทานตราด อนุญาตให้ชาวบ้านเข้ามาทำประโยชน์ในพื้นที่ชลประทานได้นั้น ไม่เป็นความจริง ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนของชลประทานตราด จะอนุญาตให้เข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่สาธารณะได้ เพราะพื้นที่สาธารณะต้องเป็นพื้นที่ของส่วนรวม

“ขอเตือนประชาชนที่กำลังจะบุกรุกพื้นที่สาธารณะว่า อย่าไปหลงเชื่อว่าพื้นที่เหล่านี้มีการซื้อขายกันได้ หรือมอบพื้นที่สาธารณะให้ทำกินได้ ไม่มีใครสามารถยึดครองเป็นของผู้ใดผู้หนึ่งได้ ทั้งนี้อ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง ความจุอ่าง 36.80 ลบ.ม. มีพื้นที่ชลประทาน 39,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 15 หมู่บ้าน 5 ตำบล 2 อำเภอ” นายอภิภัทร กล่าว

ต่อมา นางสุปรียา บุญสนิท ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตราด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานไต่สวนการทุจริต กลุ่มงานตรวจสอบทรัพย์สินและกลุ่มงานป้องกันการทุจริต พร้อมทั้ง นายปฏิยุทธ์ บูรพัฒน์ ผอ.ศูนย์ป่าไม้ตราด นายอภิภัทร ลาภอุดม หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 โครงการชลประทานตราด ร.ท.พินิจ กิจเพียร ผบ.ร้อย ทพ.นย (ฐาน 516 บ้านเขาพลู) ได้จัดกำลังร่วมกับ ตชด. 116 ปลัดอำเภอบ่อไร่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลด่านชุมพล เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ กรณีการบุกรุกที่ดินภายในอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง พบว่า ครอบคลุมพื้นที่ 15 หมู่บ้าน 5 ตำบล 2 อำเภอ อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการชลประทานตราด ซึ่งได้ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2542

โดยจุดที่ 1 จากการตรวจสอบเป็นพื้นที่ที่กรมชลประทาน ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านทับมะกอก ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ พบการบุกรุกพื้นที่ประมาณ 130 ไร่ มีสิ่งปลูกสร้างอาคารแบบถาวรจำนวน 2 หลัง มีการปรับพื้นที่ปลูกต้นทุเรียน อายุประมาณ 6 เดือน และมีการถมดินเพื่อเป็นทางเชื่อมไปในอ่างเก็บน้ำ ซึ่งปรับเป็นพื้นที่ปลูกต้นทุเรียนเช่นเดียวกัน โดยไม่พบตัวผู้บุกรุก

จุดที่ 2 จากการตรวจสอบเป็นพื้นที่ที่กรมชลประทาน ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านทับมะกอก ตำบลด่านชุมพล อ.บ่อไร่ พบการบุกรุกพื้นที่ประมาณ 15 ไร่ พบเสาหลักปักขอบเขตแสดงพื้นที่ของกรมชลประทานอย่างชัดเจน และตรวจพบว่ามีสิ่งปลูกสร้างอาคารชั่วคราวจำนวน 2 หลัง และพื้นที่บุกรุกปลูกต้นทุเรียน ต้นมะละกอ ต้นกล้วยเต็มพื้นที่ โดยไม่พบตัวผู้บุกรุก

จุดที่ 3 จากการตรวจสอบเป็นพื้นที่ที่กรมชลประทาน ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 8 บ้านเขาพลู ตำบลท่ากุ่ม อ.เมืองตราด พื้นที่ประมาณ 30 ไร่ พบมีการปลูกต้นทุเรียน และสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างดำเนินจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2566 เพื่ออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัย โดยกรมป่าไม้ได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

ซึ่งกรมป่าไม้ โดยศูนย์ป่าไม้ตราด ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจะดำเนินการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้บุกรุกทั้งจุดที่ 1 และจุดที่ 2 เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ตามมาตรา 25 ในการนี้สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตราด กำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ รวมถึงหน่วยงานส่วนท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันเฝ้าระวังและปฏิบัติราชการตามหน้าที่และอำนาจให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ต่อไป.